วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

SEXY_BOSS_____[2]_____NEW JOB






“ขอบอกคำเดียวว่า... ไม่-มี-ทาง!!!!!!
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ของประธานบริษัทคิมโจวกรุ๊ป ร่างสูงชะลูดตูดบานของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังยืนถกกับเจ้าของห้องหน้าตาสะสวยที่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นุ่มตัวใหญ่ด้วยท่าทางเอาเรื่อง ดวงตาที่ดูสวยเฉี่ยว เพราะอายไลเนอร์สีเข้มตวัดมองต้นเสียงที่ยืนค้ำหัวเขาอย่างไม่พอใจเล็กๆ
“นั่งลงเดี๋ยวนี้ คยูฮยอน” น้ำเสียงห้าวปนหวานแต่เจือด้วยกระแสของความมีอำนาจออกคำสั่ง คยูฮยอนชักสีหน้า
กล้าดียังไงมาออกคำสั่งกับท่านโจว เห็นเขาเป็นพวกเด็กอมมือที่จะยอมเชื่อฟังผู้ใหญ่ง่ายๆ หรือไง ฮ่ะ!
พี่บอกให้นั่งลงไง โจว คยูฮยอน!”
ชายหนุ่มหน้าสวยตวาดก้องอีกครั้ง ก่อนที่ก้นบานๆ ของท่านโจวที่ถูกอำนาจมืดที่แผ่ออกมาจากทางสายตาดุจะหย่อนลงบนเก้าอี้นวมราคาแพงอย่างอัตโนมัติ
ตุ้บ
ย้ากกกกกกกกก โจว คยูฮยอนไม่ได้กลัวนะ ไม่ได้กลัวพี่ชายต่างแม่คนนี้เลยซักนิดเดียว แต่ที่ยอมนั่งง่ายๆ ก็แค่ไม่อยากมีปัญหากันก็เท่านั้นเอง อ่ะโด่ว T^T
ยังไงผมก็ขอยืนยันว่าผมไม่มีทางรับหน้าที่ที่พี่ยัดเยียดมาให้ผมอย่างแน่นอน!” คยูฮยอนเอ่ยกับพี่ชายเสียงหนักแน่น ใบหน้าหล่อเหลากระเดียดไปทางอ้อยนิดๆ ฉายแววดื้อรั้น อันเป็นนิสัย (หรืออาจจะเรียกสันดาน) ส่วนตัวของชายหนุ่ม
คิม ฮีชอล ประธานบริษัทคิม โจวกรุ๊ปที่ใครต่อใครต่างก็หวาดกลัวตีหน้านิ่ง เพิ่มความหวาดเกรง จนคยูฮยอนแอบผวามากเข้าไปอีก แต่ถึงกระนั้น ร่างสูงก็ยังกลั้นใจประสานสายตากับพี่ชายคนโต เพื่อเป็นการยืนยันและแสดงเจตนารมณ์ในตัวเองว่า... ยังไงก็ไม่ยอม! และไม่ยอมอย่างเด็ดขาด!
หมายความว่าจะขัดคำสั่งฉัน?
ฮีชอลเลิกคิ้ว รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาเต็มห้อง คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกใหญ่
 แหมๆ อย่ามาเหี้ยม นี่น้องนะ น้องชายร่วมสายเลือด (ทางพ่อ) เลยนะ!!
ผมไม่ได้ขัดคำสั่งนะ แต่พี่ก็รู้ว่าคนๆ นั้นอยู่เหนือการควบคุม ขนาดพี่ เขายังไม่ฟังเลย นับประสาอะไรกับผมล่ะครับ คยูฮยอนพยายามยกเหตุผลมาพูด สมองไพล่นึกไปถึงพี่ชายต่างแม่อีกคน ที่ชอบทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่เสมอ
แน่นอนว่าคนอื่นที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน ก็กูนี่แหละ! โจว คยูฮยอนคนนี้นี่แหละ! #โมโห
แล้วจะเอายังไง? ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทุกครั้งที่ยกหน้าที่นี้ให้ คยูฮยอนนั้นเหนื่อยแค่ไหน แต่ว่าคนที่เขาวางใจให้ดูแลน้องชายคนที่สองนั้น ถ้าไม่นับรวมเขากับคยูฮยอนแล้ว มันก็ไม่เห็นว่าจะมีไอ้หน้าไหนที่มีคุณสมบัติดีพออย่างที่เขาต้องการเลยนี่นา
            แถมเขาเองก็มีงานรัดตัวทุกวัน จะให้ปลีกตัวไปดูน้องที่อายุอานามก็ปาเข้าไปยี่สิบกว่าแล้ว มันก็ใช่เรื่องที่ประธานบริษัทควรทำที่ไหนกันล่ะ
            ก็เอาอย่างที่พี่ถามผมเมื่อวานสิ ที่ว่าจะหาคนดูแลน่ะ คยูฮยอนทำหน้ามุ่ยพลางกอดอก ท่าทางต่อต้านเต็มที่
            มันไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ หรอกนะ สำหรับคนที่จะมาดูแลหนูกลางได้อยู่หมัดน่ะ
ฮีชอลถอนหายใจยาว แม้ใจส่วนหนึ่งจะเห็นด้วยกับคำพูดของน้องชายคนเล็ก แต่เขาก็ยังมีข้อขัดแย้งในตัวเองอยู่ดี
            อีกอย่าง หนูเล็กก็รู้...
            ว้ากกกๆ อย่าเรียกผมด้วยชื่อนั้นนะ!” คยูฮยอนรีบแทรกขึ้นมาพลางโบกไม้โบกมือวุ่นไปหมด ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงก่ำ เพราะความอับอายเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้
            หนูเล็กงั้นเหรอ? โอ๊ย คยูฮยอนจะบ้า กูอุตส่าห์ลืมไอ้ชื่อพวกนี้ไปหมดแล้วนะ พี่กูจะย้ำทำไมเนี่ย!?!
            ฮีชอลมองท่าทางน้องชายอย่างขบขัน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมามากนัก ร่างเพรียวกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อยพลางเชิดหน้าขึ้น ตามนิสัยถือตัว อันเป็นเอกลักษณ์ที่คยูฮยอนต่างก็เห็นกันจนชินตา
            ก็ได้ ถ้านายไม่ยอมรับหน้าที่นี้ งั้นก็ต้องให้ความร่วมมือ ด้วยการหาคนที่ไว้วางใจได้มาดูแลหนูกลาง
            แบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ เลยอ่า คยูฮยอนโอดครวญ ฮีชอลจิกตามองน้อง
            ถ้าไม่ยอม ก็ต้องดูแลกันเอง เอาไหม?
            เป็นคำถามสุดหลอนที่ทำให้คยูฮยอนต้องรีบส่ายหน้าอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด แม้แต่วินาทีเดียว
            งั้นก็เป็นอันว่าตกลงตามนี้
ฮีชอลพยักหน้าอย่างพอใจกับทางเลือกที่ได้เสนอไป หากแต่คยูฮยอนกลับเบะปาก ไม่เห็นด้วยนะ แต่ก็ขัดไม่ได้อ่ะ คนอะไร โคตรเผด็จการเลย คิดผิดหรือคิดถูกวะเนี่ย ที่เกิดมาเป็นน้องมัน = =
นั่งเคียดแค้นโชคชะตาตัวเองอยู่ในใจพลางส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือกให้คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เป็นระยะ
RRRrrrr~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการค้อนของคยูฮยอน ชายหนุ่มมองหน้าจอไอโฟนที่ปรากฏชื่อเพื่อนสนิทอย่างสงสัย ก่อนจะรีบกดรับเดี๋ยวนั้น โดยไม่เกรงว่าจะเป็นการรบกวนเวลาทำงานของพี่ชายเลยซักนิด
ว่าไงมึง
[เหี้ยคยู! รถกูยางแตก!]
หัวคิ้วเข้มย่นเข้าหากัน ทันทีที่ได้ยินปลายสายที่ตะโกนมาเสียงดังลั่น
ขออภัย เลขหมายที่มึงคุยด้วย ไม่มีคนชื่อเหี้ยคยู สวัสดี กรอกเสียงเย็นชาลงไปพลางทำท่าว่าจะกดวางสาย หากแต่เสียงทุ้มที่ตะโกนขัดมาเสียก่อน ก็ทำให้ร่างสูงชะงักไปนิดนึง
[เฮ้ยๆ อย่าวางสายนะเว้ย! กูเว้นวรรคผิด เอาใหม่ก็ได้... เหี้ย! คยู รถกูยางแตก!]
ไอ้ควาย!” อดด่าออกไปไม่ได้ แบบนี้แถวบ้านกูเรียกกวนตีนชัดๆ
คยูฮยอนนิ่วหน้า ฟังเสียงคู่สนทนาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจใหญ่แล้ว อยากจะยัดอวัยวะเบื้องล่างลงไปในไอโฟน แล้วประทับลงยอดอกมันซักที
[ฮ่าๆ แหม หยอกๆ น่า แต่รถกูยางแตกจริงๆ นะเว้ย อยู่หน้าบริษัทพี่มึงอ่ะ มึงอยู่ไหน?] รีบบอกปัญหาออกไป เพราะกลัวเพื่อนจะหงุดหงิด แล้ววางสายไปก่อน
ใกล้กันนี่แหละ มึงทิ้งรถไว้ตรงนั้น แล้วขึ้นมาหากูที
[ทำไมต้องให้กูขึ้นไปหาด้วยวะ? มึงก็แค่ลงมาไม่ได้เหรอไง?]
กูเครียดว่ะ กูโดนรังแก มึงขึ้นมาช่วยกูที พูดพลางปรายตามองพี่ชายหน้าสวยที่นั่งเซ็นเอกสาร เหมือนจะกล่าวโทษ ฮีชอลทำทีเป็นไม่สนใจ มุมปากกระตุกยิ้มขำ
หนูเล็กหาพวกอีกแล้ว หึๆ
[ใครกล้ารังแกมึง!?! พี่มึงใช่ไหม? เออ งั้นยอมไปเหอะ] ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ คยูฮยอนล่ะอยากยัดเท้าลงไปในไอโฟนจริงๆ นะ -_-
สรุปจะมึงจะขึ้นมาหรือว่าจะให้กูสั่งคนเอาระเบิดไปยัดรถมึง ร่างสูงถามเสียงเรียบ
[อุแหม โหดจริง เพื่อนกู... เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวขึ้นไปหา แค่นี้นะเว้ย ค่าโทรศัพท์แพง ตังค์ยิ่งไม่มีกินมีใช้อยู่]
ติ๊ด
บ่นงึมงำๆ คนเดียว ก่อนจะตัดสายไปเองอัตโนมัติ คยูฮยอนพ่นลมหายใจช้า ระงับอารมณ์หมั่นไส้ที่คุกรุ่นอยู่เต็มอก
ถ้ามึงไม่มัวกวนตีนกู ป่านนี้ได้วางสายไปนานละ ไอ้เพื่อนฟาย
จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า? ฮีชอลเงยหน้าขึ้นถามน้องชาย คยูฮยอนส่ายหน้า
ยัง เดี๋ยวไอ้ทงเฮจะขึ้นมาหา... อะไร ก็เห็นอยากได้คนดูแลไม่ใช่เหรอ? ไอ้ทงเฮนี่แหละ ไว้ใจได้สุดๆ แล้ว คยูฮยอนอวดอ้าง ฮีชอลเลิกคิ้วพลางเบ้ปาก เหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่
โหย พี่อย่าทำหน้าอย่างนี้ดิ พี่ก็รู้จักไอ้ทงเฮนี่ เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ให้เกียรติผู้หญิง ถึงจะฉี่ไม่ค่อยเป็นที่เป็นทางก็เหอะ
สัด! กูไม่ใช้หมา
เสียงทุ้มดังขัดขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มร่างหนาที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ทำให้คนทั้งสองที่อยู่ในห้องก่อนแล้วหันไปมองพร้อมกัน
แม่ง ฉีดใยแมงมุมแล้วสปริงตัวขึ้นมาป่ะวะ เร็วชิบ -O-
เฮ้ย ไม่มีมารยาทว่ะ ไม่เคาะประตูห้องก่อน คยูฮยอนว่า ก่อนจะเอนศีรษะหนีฝ่ามือที่เงื้อขึ้น หมายจะฟาดกบาลเขา
ขอโทษ กูเคาะแล้ว... พี่ฮีชอล สวัสดีครับ หันไปโค้งให้พี่ชายเพื่อนที่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้มองพวกเขาด้วยสายตาเอ็นดู ฮีชอลพยักหน้ารับ
นั่งก่อนสิ ทงเฮ... ไม่ได้เจอกันนานนะ
อ่า ครับ พอดีช่วงนี้ผมยุ่งๆ
มันโดนไล่ออกน่ะ ก็เลยยุ่งหางานใหม่ คยูฮยอนรีบเอ่ยปากบอก ก่อนจะถูกทงเฮตบหัวแรงๆ หนึ่งที
ป้าบ!
เชี่ย หุบปากไปเลย!” ชี้หน้าคาดโทษเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้ฮีชอลที่มองมาอย่างแปลกใจ
คือพอดีมีปัญหาที่ทำงานนิดหน่อย ก็เลย เอ่อ... โดนไล่ออกน่ะครับ ทงเฮอธิบาย
ปัญหาเรื่องชู้สาว คยูฮยอนเสริมขึ้นมาอีก คราวนี้เลยโดนตบไปสองป้าบแรงๆ
ป้าบ! ป้าบ!
รอพี่เขาถามก่อน มึงค่อยบอกเถอะ ฟาย ทงเฮแหวใส่ คยูฮยอนทำหน้ามุ่ยพลางพึมพำขมุบขมิบ
กูก็อุตส่าห์หวังดีเนอะ
ลองคืนนี้กูฉี่รดที่นอนก่อนเถอะ กูจะสังหารมึง ไอ้ทงเฮ #แค้น
ฮีชอลไม่ได้ใส่ใจการหยอกล้อน่ารัก (?) ของน้องชายทั้งสอง ร่างเพรียวเลิกคิ้วกับคำตอบที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปสบตากับคยูฮยอนที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ แต่กลับส่งซิกส์บุ้ยปากให้พี่ชายจัดการเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้แทน
แน่นอนว่าคนฉลาดอย่างฮีชอล ย่อมเข้าใจความต้องการของน้องชายสุดที่รักได้อย่างไม่ต้องบอกกล่าว
งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ยังว่างงานอยู่? เอ่ยถามเรียบๆ คล้ายไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป เพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้ารู้สึกอึดอัดกับคำถามตัวเอง
ทงเฮหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ
ก็ประมาณนั้นแหละครับ
อืมมม... ฮีชอลลากเสียงยาว เรียนจบอะไรมานะเรา?
บริหารครับ
อืม บริหาร... ประธานคนสวยทำท่าครุ่นคิด คยูฮยอนมองท่าทางแบบนั้นด้วยความขัดใจ นี่จะสัมภาษณ์งานหรือว่าสอบประวัติว่ะ ชักช้า ไม่ทันใจท่านโจวเลย ฮึ่ย
สรุปง่ายๆ คือพี่ฮีชอลมีงานให้มึงทำ แต่ยังเรื่องมาก ตัดสินใจไม่ถูก เพราะว่างานนี้มันเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมาก
ในเมื่อหวังพึ่งพี่ ก็ช้า ไม่ได้การ คยูฮยอนเลยตัดสินใจพูดเองมันซะเลย
เพราะถ้าเกิดเจ๊แกอารมณ์ไม่คงที่ ไม่อยากรับไอ้ทงเฮทำหน้าที่ขึ้นมา ความซวยต้องมาตกอยู่ที่เขาแน่ๆ ไม่ได้ๆ อย่างนี้ต้องจัดการด้วยตัวเอง รับรองพอใจทั้งสองฝ่าย
คยูฮยอน ฮีชอลเรียกน้องชายเสียงเข้ม ไม่พอใจที่อยู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะ
โธ่ ก็พี่มัวแต่คิดอยู่นั่นแหละ สัมภาษณ์อย่างกับจะรับสมัครพนักงานบริษัท ไม่ทันใจเลย โว๊ะ!”
ทำสีหน้าหงุดหงิดใส่พี่ชายเสร็จ ก็หันมาทางคนที่นั่งทำหน้างงอยู่ข้างๆ
งานอะไรวะ? ไอ้คยู ทงเฮถามอย่างสงสัย
มึงจำพี่กูที่กูบอกว่าเพิ่งกลับมาจากอเมริกาได้ป่ะ คยูฮยอนถาม
อืม จำได้ ทำไมวะ?
สรุปง่ายๆ เลยคือพี่ฮีชอลต้องการคนดูแล หรือในความหมายตามพจนานุกรม ฉบับโจวตยสถาน คือ ผู้ควบคุมความประพฤติ เพื่อเอาไปดูแลพี่กูอีกคนที่ชอบทำตัวออกนอกลู่นอกทาง เข้าใจไหม? จบ! ไม่มีการพูดซ้ำ ตกลงมึงจะทำไม่ทำ?
ร่ายยาวมาเป็นหางว่าวจบ คยูฮยอนก็เอ่ยถามคนที่นั่งทำคิ้วผูกโบว์ด้วยความไม่เข้าใจ ลักษณะการพูดเหมือนจะเป็นการบังคับ ข่มขู่ มากกว่าจะถามความสมัครใจเสียอีก
เดี๋ยว... กูไม่ค่อยเข้าใจ...
เงินเดือนตามแต่จะเรียกร้อง สวัสดิการพร้อม อยากได้อะไร เดี๋ยวกูประเคนให้มึงเอง ขอแต่มึงช่วยดูแลพี่กูให้อยู่กับร่องกับรอย และไม่ออกนอกลู่นอกทางจนเดือดร้อนมาถึงพวกกูก็พอ
ห๊ะ? ทงเฮยังคงดูงงๆ อยู่ คยูฮยอนมองเพื่อนอย่างรำคาญ
งงอะไรของมึง ก็แค่ดูแลพี่กูแค่นี้น่ะ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ดูแล อ่านปากนะ... ดู-แล-พี่-กู ร่างสูงทำปากพูดช้าๆ โดยมีสายตาของฮีชอลที่มองมาด้วยความอ่อนใจ
ท่าดีทีเหลวจริงๆ คยูฮยอน
คืออย่างนี้ พี่แค่อยากจะได้คนมาคอยช่วยดูแลน้องชายอีกคนของพี่น่ะ แค่ดูแลและคอยติดตาม รายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้พี่รู้ทุกฝีก้าว ก็ไม่เชิงเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวหรอกนะ แต่หน้าที่ก็คล้ายๆ กัน ฮีชอลอธิบาย ทงเฮพยักหน้าน้อยๆ พอจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อย
นั่นแหละ อย่างที่พี่ฮีชอลพูด ถ้ามึงรับงานนี้ กูขอรับประกันว่ามึงจะพบกับความสุดยอด อย่างที่มึงไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเลยล่ะคยูฮยอนกอดคอเพื่อน ดึงเข้ามาใกล้พลางกระซิบ
คยูฮยอน ฮีชอลส่งเสียงเรียกน้องชายตัวดีของตัวเองด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเล็กน้อย คยูฮยอนกลอกตาไปมา ก่อนจะยกมือขึ้นทั้งสองข้าง
ผมเปล่าพูดอะไรซักหน่อย ทำหน้าตาเหลอหลา ไร้เดียงสา ก่อนจะแอบยักคิ้วหลิ่วตาให้ทงเฮที่เริ่มจะเขม่นกับท่าทีลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ของเพื่อน
พี่ไม่ได้บังคับนายนะ ทงเฮ ถ้านายอยากจะคิดดูก่อน พี่ก็ไม่ว่าอะไร
โอ๊ย ยังจะต้องคิด... อ่า... ไม่พูดแล้วก็ได้
คยูฮยอนยกมือขึ้นทำท่ารูดซิปปาก เมื่อเห็นพี่ชายส่งสายตาอำมหิตมาให้
โหย ทีกับน้องกับนุ่ง ชอบทำตัวโหดนักล่ะ อ่ะโด่ว -.-
ฮีชอลส่ายหน้ากับนิสัยกวนประสาทของร่างสูง ก่อนจะหันกลับมาทางทงเฮอีกครั้ง
ถ้านายสนใจ พี่ให้เงินเดือนขั้นต่ำ สองล้านวอน ถ้าอยากจะขอเพิ่ม พี่ก็ไม่ว่า แต่นายต้องพักอาศัยอยู่กับพวกเรา คอยดูแลน้องชายพี่ตลอด 24 ชั่วโมง ฮีชอลบอกพลางมองดูท่าทีของทงเฮที่ดูเหมือนจะยังลังเลอยู่ คยูฮยอนกลอกตาไปมา มือใหญ่เอื้อมมาสะกิดขาทงเฮยิกๆ
มึงรับๆ ไปเหอะ งานสบาย เงินหนักขนาดนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะเว้ย ถือว่าช่วยกูก็แล้วกันนะ กูขอร้อง
หือ? ทงเฮเบิกตามองเพื่อนที่เอนตัวมากระซิบด้วยความสงสัย ก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด ความจริงแล้ว ทงเฮไม่ได้ใส่ใจว่างานที่คนตรงหน้าเสนอมา เป็นงานแบบไหน เพียงแต่ว่าจำนวนเงินที่ได้ยินต่างหาก ที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสนใจไม่น้อย
แต่ว่าดูแลพี่ชายไอ้คยูเหรอ?
คนๆ นั้นสติไม่สมประกอบหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหรอไง ถึงต้องหาคนคอยดูแลแบบนี้?
ขอถามหน่อยได้ไหมครับ? ทำไมพี่ถึงเสนองานนี้ให้ผมล่ะครับ? ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างอยากรู้ ฮีชอลขยับมุมปากเล็กน้อย แววตาพอใจกับคำถาม
อย่างน้อยๆ เขาก็เห็นได้ว่าทงเฮไม่ใช่คนโลภ ไม่ใช่พวกที่อยากได้เงิน โดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้ดีก่อน เหมือนพวกที่เขาเคยเจอมา
บอกตรงๆ แล้วกันนะว่าพี่ใช่คนประเภทที่จะไว้ใจใครง่ายๆ แต่เพราะงานดูแลหนูกลางนั้น มันไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ เพราะฉะนั้น พี่เลยอยากได้คนที่พี่คิดว่าเหมาะสมที่สุดและสามารถเชื่อใจได้มากที่สุดว่าจะไม่ทำอะไรให้น้องชายพี่สึกหรอ
หา? สึกหรอ? ทงเฮทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
ก็ไอ้พวกที่ชอบลวนลาม ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งอะไรงี้อ่ะ คยูฮยอนอธิบายเสริม
อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะ งั้นก็แสดงว่าพี่ฮีชอลไว้ใจผมงั้นเหรอครับ? ทงเฮถาม ฮีชอลกระตุกยิ้ม
พี่รู้จักนายก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพี่ไว้ใจนายร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกอย่างเพราะนายเป็นเพื่อนของคยูฮยอน พี่เลยคิดว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พี่ก็ยังมีคนที่จะคอยรับเคราะห์แทนนายได้อีกหนึ่งคน พูดพร้อมกับปรายตามองไปทางน้องชายที่นั่งอ้าปากเหวอ
อ้าว ทำไมพี่ฮีชอลพูดงั้นอ่ะ? คยูฮยอนโวยวาย ทงเฮยิ้มขำ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
งั้นผมตกลงรับงานนี้ก็ได้ครับ
แน่ใจแล้วใช่ไหมว่านายอยากจะรับงานนี้จริงๆ ฮีชอลถามย้ำอีกครั้ง
แน่ใจครับ ทงเฮรับคำแน่นหนัก ดีใจเพราะไม่คิดว่าจะได้งานทำเร็วขนาดนี้ แถมยังดูเป็นงานสบายๆ ที่ได้เงินเยอะอีกต่างหาก
คำตอบรับของทงเฮ ทำให้สองพี่น้องลอบสบตากันด้วยความโล่งใจ
แก้ปัญหากันได้ซักที
งั้นก็ตามนี้ พี่อยากให้นายเริ่มงานพรุ่งนี้เป็นวันแรก นายมีปัญหาอะไรไหม? ฮีชอลถาม ทงเฮรีบส่ายหน้า
ไม่มีครับ ช่วงนี้ผมว่างอยู่แล้ว เริ่มงานพรุ่งนี้เลยก็ดีเหมือนกัน
อืม ดีมาก งั้นพรุ่งนี้พี่จะให้คยูฮยอนไปรับ เก็บเสื้อผ้าและเตรียมข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างให้พร้อม เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป บ้านใหม่ของนายคือคฤหาสน์ตระกูลลี!”



XXXXXXXX



เช้าวันต่อมา
พาหนะขับเคลื่อนคันหรูค่อยๆ แล่นเข้าสู่อาณาเขตบริเวณที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลคิม ทงเฮกวาดตามองไปรอบๆ แม้จะเคยมาที่นี่บ้าง หากก็ไม่เคยได้สังเกตหรือสนใจสิ่งใด เพราะปกติแล้ว คยูฮยอนมักจะพาเขาตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลโจวเลยซะมากกว่า แต่วันนี้ เป้าหมายที่พวกเขาจะไปนั้น กลับเป็นคฤหาสน์ตระกูลคิมที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างคฤหาสน์ของน้องชายทั้งสองคน
กูจะพามึงไปหาพี่ฮีชอลก่อน เพื่อรอคำสั่งบัญชาการจากท่านแม่ทัพ และเพื่อใช้เป็นทัพหน้า ยามที่กองโจรหยิ่นเฮ่อบุกเข้าจู่โจม คยูฮยอนบอก หลังจากเห็นสายตาสงสัยของทงเฮที่หันมามองเหมือนจะถาม
อะไรของมึงวะ กองโจรหยิ่นเฮ่ออะไร? เมื่อคืนมึงเล่นเกมมากไปใช่ไหมเนี่ย? ทงเฮนิ่วหน้า น้ำเสียงติดจะระอากับพฤติกรรมที่ไม่สมกับอายุของเพื่อน
ช่วงนี้ติดสามก๊กว่ะ เหอๆ คยูฮยอนหัวเราะเสียงแห้ง คำสารภาพที่ทำให้ทงเฮอดส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจไม่ได้ ถ้าไม่เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน ทงเฮก็คงไม่เชื่อว่าไอ้เด็กติดเกมคนนี้คือทายาทคนที่สามของตระกูลคิม ผู้ยิ่งใหญ่
เรียนจบมาก็ปีหนึ่งแล้ว ยังไม่ยอมทำงานทำการ เอาแต่เล่นเกมชิงแชมป์อยู่ได้ ไอ้คยูเอ๊ย ชีวิตนี้ ถ้าแม่งไม่ได้เกิดมาเป็นคุณชาย กูมองอนาคตมึงออกเลยว่ะ ว่า... มึงได้เป็นเด็กแว๊นซ์หน้าร้านเกมชัวร์!!!
เชี่ยสัด นี่คิดแช่งกูในใจอยู่ล่ะสิ ลงรถได้แล้วเว้ย! ชักช้า เดี๋ยวข้าศึกรู้ตัวซะก่อน เราจะโดนโจมตีกันเอาง่ายๆ ร่างสูงพูดพร้อมกับลงจากรถ ทงเฮเหล่มองเพื่อนอย่างเพลียๆ เชี่ยนี่แม่งติดเกมขั้นรุนแรงแล้วล่ะ -_-
คุณชายคยูฮยอน หัวหน้าแม่บ้านเก่าแก่วิ่งลงมาจากในบ้าน ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ด้านหลัง รีบไปขนกระเป๋าท้ายรถออกมา
พี่ฮีชอลล่ะครับ ป้าซังอา คยูฮยอนเอ่ยถาม
รออยู่ในห้องอาหารค่ะ คุณหนูใหญ่เพิ่งถามหาคุณชายพอดีเลย... เอ่อ แต่ว่าตอนนี้... ซังอาทำท่าจะบอกอะไรบางอย่าง หากแต่คยูฮยอนกลับไม่ทันได้สนใจ
เดี๋ยวป้าเอาข้าวของทั้งหมดไปไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลลีนะครับ ไม่รู้ว่าคนบ้านนั้นจัดห้องให้ทงเฮหรือยัง แต่ถ้ายัง ป้าก็ช่วยจัดการด้วยนะครับ คยูฮยอนบอก ก่อนจะชวนทงเฮเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ซังอายืนอ้าปากค้างอย่างไม่ทันได้ทักท้วงอะไร
เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณชาย!... โธ่ ป้าแค่จะบอกว่าตอนนี้ห้องอาหารตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน อย่าเพิ่งเข้าไป... แต่ก็เอาเถอะค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ คุณชาย คุณทงเฮ หญิงแก่พูดอย่างปลงๆ ก่อนจะมองตามหลังชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงกันไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง
คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะคะ คุณทงเฮ สาธุ




XXXXXXXX




เฮ้ย คยู เมื่อกี้กูเหมือนได้ยินเสียงป้าซังอาพูดอะไรตามหลังเรามาว่ะ
ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องอาหาร ทงเฮที่เหลียวกลับไปมองด้านหลังนิ่วหน้าด้วยความสงสัย คยูฮยอนเลิกคิ้ว ก่อนจะยกมือขึ้นผลักไหล่เพื่อให้เดินนำตัวเองไป
หูฝาดแล้วมึง รีบไปเหอะ เดี๋ยวพี่ฮีชอลรอนาน จะโดนเหวี่ยงเอาเอ่ยปากบอกพร้อมกับยกมือขึ้นเปิดประตูห้องอาหาร แต่ยังไม่ทันผลักเข้าไป คยูฮยอนก็ต้องชะงัก เพราะมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับมือเขาไว้เสียก่อน
เดี๋ยวก่อน กูใจไม่ค่อยดีเลยว่ะ ทงเฮพูดพลางขมวดคิ้วแน่น อยู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ผุดขึ้นมาในใจแบบแปลกๆ คล้ายกับว่าหากเขาตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องๆ นี้ อะไรบางอย่างที่รอเขาอยู่จะทำให้ชีวิตเขาวุ่นวายมากขึ้นอีกโขเลยทีเดียว
เป็นอะไรของมึง โรคหัวใจกำเริบเหรอ? คยูฮยอนแหย่
โรคหัวใจพ่อง กูไม่ได้เป็นเว้ย! เพียงแต่ว่ารู้สึกหนาวสันหลังยังไงไม่รู้ว่ะ พูดพลางลูบต้นคอตัวเองเบาๆ ทำไมอยู่ๆ ก็ขนลุกได้วะเนี่ย ไม่เข้าใจเลย
มึงวิตกจริตเกินไปละ ไอ้ทงเฮ... อย่าคิดมากน่า รีบๆ เข้าไปเถอะ พี่ฮีชอลรอด่าอยู่แล้วมั้งตอนนี้
คยูฮยอนส่ายหน้าน้อยๆ และเปิดประตูนำไปก่อน ทงเฮถอนหายใจอย่างกังวล แต่ก็พยายามปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง ก่อนจะเดินตามเพื่อนเข้าไปด้านใน



ปัง!



เฮือก!



“กล้าดียังไง ถึงได้หาคนมาดูแลผม!!! คิดว่าผมดูแลตัวเองไม่เป็นหรือไงฮ่ะ!?!
น้ำเสียงหวานปนห้าวของผู้ชายตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ทำให้ทงเฮที่เพิ่งย่างเท้าเข้าไปก้าวแรก ยืนตัวเกร็งขึ้นมาทันที ดวงตาคมเบิกมองภาพตรงหน้าด้วยใจระทึก ไม่ต่างจากคยูฮยอนที่พยายามกระดื้บตัวมายืนข้างเขาอย่างเงียบๆ
ม้าเร็วของเราทำงานบกพร่องว่ะ กองโจรหยิ่นเฮ่อบุกโจมตีแล้ว
ใบหน้าหล่อยื่นมากระซิบเบาๆ สีหน้าคล้ายจะขยาดกับสงครามตรงหน้าไม่น้อย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าคยูฮยอนกำลังสนุกกับเหตุการณ์ที่กำลังเห็นมากทีเดียวเลยแหละ
อย่ามาทำเสียงดังที่นี่นะ ฮยอกแจ! ชายหนุ่มหน้าสวยที่นั่งนิ่งตรงหัวโต๊ะเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาคมเฉี่ยวตวัดมองน้องชายคนที่สองอย่างไม่พอใจ
อี ฮยอกแจกัดปากตัวเองแน่น สีหน้าแววตาดื้อดึง นิสัยไม่ผิดไปจากน้องชายคนเล็กอย่างคยูฮยอนเลยแม้แต่นิดเดียว (ก็พี่น้องกันนี่คร้าบบบ~ ฮี่ๆ: คยูฮยอน)
ผมไม่ต้องการคนดูแล! ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมมาเสียงดังที่นี่ พี่ก็ยกเลิกคนดูแลไปสิฮะ!”
ไม่!” ฮีชอลสวนกลับมาทันควัน หนูกลางต้องมีคนดูแล เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้ว
แต่ผมก็เคยบอกไปแล้วว่าผมไม่ต้องการ! พี่จะเสียเวลาจ้างคนดูแลมาทำไม ในเมื่อผมดูแลตัวเองได้!” ฮยอกแจตะโกนลั่น คำพูดที่บ่งบอกว่ายังไงก็ไม่มีทางยอมให้พี่ชายเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเขาเด็ดขาด!
อุตส่าห์ลงแรงไล่ออกไปได้ตั้งเจ็ดคน ถ้าคราวนี้พี่ฮีชอลคิดว่าจะมาบังคับกันได้อีกล่ะก็ ฮยอกแจสู้ตายแน่!
ดูแลตัวเองให้ทำแต่เรื่องเดือดร้อนน่ะสิ ฮีชอลพูดเสียงแข็ง มือเรียวหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้มาโยนลงตรงหน้าน้องชายอย่างแรง
มีวันไหนที่หนังสือพิมพ์จะไม่ลงข่าวฉาวของเราบ้าง... ไม่เคยมี! ทั้งปาร์ตี้ เมาเหล้า ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย มีแต่ข่าวของเราทั้งนั้น!!!” ฮีชอลพูดเสียงดังอย่างโมโห รังสีอำมหิตแผ่กระจายทั่วห้องกว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ คยูฮยอนกลอกตามองพี่ชายทั้งสองคนสลับกันพลางยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
ไม่ได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้มาตั้งแต่หนูกลางไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วนะเนี่ย มันส์เว่อร์เลยอ่ะ คึคึ
มันก็แค่ตัวหนังสือที่พวกนักข่าวอยากจะเขียนยังไงก็ได้ พี่แคร์กับเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วยหรือไง!?!”
พี่ไม่แคร์!!!”
ปัง!!
ฝ่ามือนุ่มตบลงบนโต๊ะอาหารเสียงดังลั่น ร่างเพรียวของฮีชอลผุดลุกขึ้น ดวงตาฉายแววกราดเกรี้ยวจนคยูฮยอนกับทงเฮเกือบเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ
ปกติก็น่ากลัวอยู่แล้วอ่ะนะ แต่พอมาเจอแบบนี้ บอกตามตรงว่าน่ากลัวกว่าเดิมล้านเท่าเลย -O-
พี่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร คุณหนูอี แต่ที่ต้องหาคนดูแลให้ ก็เพราะพี่อยากให้คุณหยุดทำตัวเละเทะแบบนี้ซักที ฮีชอลเอ่ยช้าๆ อย่างข่มกลั้นอารมณ์ร้อนที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในอก ดวงตาคมกริบจ้องมองน้องชายคนรองนิ่ง สรรพนามแปลกหูที่นานๆ ครั้งจะได้ยิน ทำให้ทั้งฮยอกแจและคยูฮยอนยืนเงียบ ด้วยรู้กันดีว่าหากฮีชอลเอ่ยปากเรียกพวกเขาแบบนี้ นั่นแสดงว่าพี่ชายคนโตสุดจะทนแล้วจริงๆ
ผมไม่ได้ทำตัวเละเทะ ฮยอกแจเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าความดื้อรั้นจะค่อยๆ ลดลงไป เพราะหวาดหวั่นกับท่าทางของพี่ชายไปแล้วก็เถอะ
แต่คุณก็ไม่ได้ทำตัวดีขึ้นเท่าไหร่ ฮีชอลแค่นยิ้ม ก่อนจะปรายตามองชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนซุ่มอยู่ตรงโคมไฟข้างประตู
เอาล่ะ พี่เสียเวลามามากพอแล้ว คนที่พี่จ้างไว้ให้มาดูแลหนูกลาง ชื่อ อี ทงเฮ จำเอาไว้ด้วย... และอย่าคิดอะไรแผลงๆ เพื่อทำให้เขาทนอยู่ไม่ได้เหมือนรายอื่นๆ อีกเด็ดขาด
ประโยคสุดท้าย ฮีชอลเดินเข้ามากระซิบกับน้องชายคนโปรดพลางเปลี่ยนมายิ้มหวาน นิ้วเรียวยกแตะพวงแก้มใสอย่างเอ็นดู ก่อนจะคว้าสูทนอกและเดินตรงไปทางคยูฮยอนกับทงเฮ
วันนี้พี่มีประชุมทั้งวัน ถ้าหนูเล็กไม่ไปไหน ก็ช่วยคุมหนูกลางให้พี่ด้วยละกัน เอ่ยปากฝากฝังน้องชายคนกลางให้กับน้องชายคนเล็กที่ทำหน้าขมเหมือนกินยาเบื่อแล้ว ฮีชอลก็หันมาทางทงเฮบ้าง
พี่คิดว่านายคงเข้าใจความหมายของคำว่าคนดูแลได้ดีพอๆ กับหน้าตานะ ทงเฮ
ตบบ่ากว้างหนักๆ สองสามที ก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งให้คยูฮยอนกับทงเฮเหลียวมองหน้ากันตาปริบๆ
กูคิดว่ามึงไม่ควรดีใจกับคำชมนะ คยูฮยอนพูดเบาๆ ทงเฮกลอกตาไปมา เริ่มรู้สึกหนักอกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก จากที่เห็นฤทธิ์คุณหนูกลาง พี่ชายเพื่อนสนิทแล้ว เขาชักอยากจะถอดใจและกลับไปเดินต๊อกๆ หางานข้างถนนเหมือนเดิมซะแล้วสิ
ทำไมถึงได้แรงผ่าเหล่าผ่ากอขนาดนี้วะ?
ร่างหนาถอนหายใจยาว ก่อนจะสะดุ้ง เพราะคุณหนูกลางเจ้าปัญหาที่อยู่ๆ ก็มาอยู่ตรงหน้าเขา แถมยังมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าหงุดหงิด 
มะ... มาตอนไหนวะ? -O-
หนูเล็ก นี่ใคร? เสียงหวานเอ่ยถามอย่างห้วนๆ คยูฮยอนอ้าปากพะงาบๆ คล้ายไม่รู้จะบอกยังไง แต่สุดท้าย ร่างสูงก็เปล่งเสียงออกมาจนได้
เอ่อ... คนนี้เป็น... เป็นคนดูแลหนูกลางไง บอกพี่ชายพลางส่งยิ้มแหย มือใหญ่ยกขึ้นดันตัวทงเฮไปข้างหน้าอีกนิด เพื่อให้พี่ชายได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง โดยไม่ยอมสบสายตาคมที่หันมามองกันอย่างคาดโทษเลยแม้แต่น้อย
โทษทีว่ะเพื่อน กูเป็นห่วงมึงนะ แต่สามก๊กยังต้องการกูกลับไปนำทัพอยู่ T^T
ฮยอกแจหรี่ตามองคนดูแลคนใหม่อยู่อย่างนั้นหลายนาที สมองรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเจอคนหน้าหล่อๆ แบบนี้ที่ไหนซักแห่ง แต่ก็คิดไม่ออก
นัยน์ตาคู่สวยสำรวจมองโครงหน้าหล่อได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมกริบที่แฝงแววหวานซึ้งทำให้ชายหนุ่มคนนี้ดูน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
เอ่อ... ทงเฮส่งเสียงอึกอักในลำคอพลางมองปลายนิ้วเรียวที่ยกขึ้นมาชี้หน้าเขา ก่อนที่มันจะยื่นมาเกี่ยวคอเสื้อร่างหนาพร้อมกับกระชากอย่างแรง จนใบหน้าหล่อแทบจะชนกับปลายจมูกงอนรั้นตรงหน้า
“นายสินะ ที่ชื่ออี ทงเฮ... ดีเลย นายมากับฉันเดี๋ยวนี้!!!
...!!!”
สิ้นเสียงหวาน ทงเฮก็ถูกคนตัวเล็กดึงคอเสื้อให้เดินตามไปอย่างไม่ปราณี ท่ามกลางความตกใจของคยูฮยอนที่ไม่นึกว่าฮยอกแจจะหาเรื่องแกล้งเพื่อนเขาตั้งแต่วันแรกอย่างนี้
แต่ว่าถ้าทงเฮโดนหนูกลางแกล้งจริง คยูฮยอนก็คงช่วยอะไรไม่ได้ นอกจาก...
ขอให้พระเจ้าคุ้มครองนะ มายเฟรนด์ T^T”






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น