วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

SEXY_BOSS_____[9]_____คนของผม





บอสมีเวลาช็อปปิ้งแค่สามชั่วโมงเท่านั้นนะครับ
รถเบนซ์คันหรูค่อยๆ ชะลอความเร็วลง ก่อนจะจอดนิ่งสนิทอยู่ในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ทงเฮหันใบหน้าเรียบเฉยของตัวเองมาทางเจ้านายด้านหลังพลางเอ่ยปากบอกข้อจำกัดที่เขามีให้ ฮยอกแจหน้าบึ้ง ตาเรียวเขม็งมองคนขับรถกิตติมศักดิ์อย่างไม่พอใจ ริมฝีปากอิ่มอ้าออกหมายจะเถียง แต่ก็ต้องหุบลง เมื่อคนดูแลสุดหล่อเอ่ยขัดขึ้นมาพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม
แค่สามชั่วโมงครับ
นี่นาย...!”
ไม่มีเพิ่มและไม่มีสิทธิพิเศษให้...
อี ทงเฮ!!!”
ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เข้าใจตามนี้นะครับ
ฮึ่ย!!”
กำปั้นเล็กทุบลงบนเบาะนั่งอย่างแรง ก่อนที่เจ้าตัวจะกระชากประตูเปิดออกไปด้วยความโมโห ทงเฮหัวเราะหึในลำคอ ขณะมองตามร่างบอบบางที่เดินลิ่วๆ หัวฟัดหัวเหวี่ยงนำไปก่อน หลายวันมานี้ เขาต้องทนสู้รบปรบมือกับความเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจของฮยอกแจที่พยายามจะกดดันให้เขาลาออก เพียงเพราะเหตุผลแค่ว่า...ไม่ยอมให้เขาเป็นใหญ่กว่าตัวเอง
ทงเฮอยากจะขำ ใครจะเชื่อว่าคนที่อายุมากกว่าเขาแถมยังเป็นถึงทายาทตระกูลดังจะคิดอะไรได้เด็กมากขนาดนี้ ดวงตาคมจ้องมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า เท้าหนาก้าวตามไปช้าๆ นัยน์ตาคมอ่อนแสงลงเล็กน้อย ยามเผลอสบตากับเจ้าของสีหน้าบูดบึ้งที่มักจะหันมาทางเขาด้วยแววตาโกรธเคืองอยู่บ่อยๆ
ถ้าจะตามมาแล้วทำหน้าแบบนี้ใส่กันล่ะก็ ไปนอนรอที่รถก็ได้นะ ผมไม่ว่า เสียงหวานของคนที่หยุดยืนดูของเอ่ยขึ้นเบาๆ ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปยืนขนาบอยู่ด้านหลัง ทงเฮเลิกคิ้ว รู้สึกฉุนนิดๆ ที่ยังไม่ได้ทันได้ทำอะไร ก็ถูกอีกฝ่ายหาเรื่องเข้าซะแล้ว
ไม่ได้หรอกครับ นี่มันเวลาทำงาน ไม่ใช่เวลาพักผ่อน โต้แย้งกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ ฮยอกแจแค่นหัวเราะ
ต้องทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบมาสินะ
ครับ ผมทำทุกอย่างตามหน้าที่ที่ควรทำ เอ่ยพลางสบตากับคนตรงหน้านิ่ง ฮยอกแจเม้มปากแน่น ไม่พอใจกับคำว่าหน้าที่ที่อีกคนพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ความรู้สึกในอกตีรวนยุ่งเหยิงจนเขาไม่สามารถทนมองหน้าทงเฮต่อไปได้ ใบหน้าหวานเบือนหนีไปทางอื่น ปิดบังความน้อยใจไว้ภายใต้ท่าทีเย่อหยิ่งจองหอง
ก็ดี... คิดแบบนั้นได้ก็ดี
ใบหน้าหวานเชิดขึ้นราวกับไม่แคร์ในสิ่งที่อีกคนพูด ฮยอกแจก้าวเดินต่อไป ทำทีสนุกสนานกับการช้อปปิ้ง โดยมีทงเฮคอยเดินตามและหิ้วของให้ หากยามที่เผลอ หน่วยตากลมใสก็มักจะเหลียวมองหาร่างหนา และก็มักหันกลับมาทันก่อนทุกครั้งที่ทงเฮจะรู้ตัวว่าถูกแอบมอง
ให้ตายเถอะ อี ฮยอกแจ นายเป็นอะไรไปเนี่ย หมอนั่นทำให้นายโกรธอยู่นะ เชิดเข้าไว้สิ
สั่งตัวเองในใจ ก่อนจะสะบัดหน้าไล่ความฟุ้งซ่านออกจากหัว มือเรียวเลือกหยิบเสื้อผ้าแบรนด์เนมออกมาดู ขมวดคิ้วน้อยๆ กับขนาดของมันที่น่าจะใหญ่กว่ารูปร่างของเขาอยู่มากโข
เอาตัวนี้ ว่าแล้วก็ยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวให้กับพนักงานร้านที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะเลือกหยิบออกมาอีกหลายตัว กระทั่งเห็นว่ามันเยอะจนใครบางคนน่าจะถือไม่ไหวแล้ว ร่างบางจึงหันไปส่งยิ้มหวานให้พนักงานหนุ่ม
เอาทั้งหมดนี่แหละครับบอกจบก็เดินมานั่งรอที่โซฟา ปรายตามองคนดูแลที่จ้องเขม็งไปที่พนักงานที่ยังยืนตาลอยเพราะรอยยิ้มของเขา
นายยังไม่มีสูทใส่ไปงานคืนนี้ใช่ไหม งั้นเดี๋ยวไปดูสูทกัน
ไม่ต้องหรอกครับ ผมมี ทงเฮละสายตาจากพนักงานร้านลงมามองตัวต้นเหตุของอารมณ์ขุ่นมัวของเขา เห็นนะว่าเมื่อกี้โปรยเสน่ห์ใส่ไอ้หน้าปลากระจวดนั่นน่ะ ฮึ่ย! -__-
ผมบอกว่าไปก็คือไป อย่าขัด ฮยอกแจเอ่ยเสียงห้วน ทงเฮยังไม่รู้หรือไงว่าเขาไม่ชอบให้มีคนขัดใจน่ะ
แต่ว่า...
เรื่องอื่นนายดูแลผมได้ แต่เรื่องนี้ผมถือว่ามันเป็นหน้าเป็นตาของผม...
แต่ผม...
เข้าใจใช่มั้ยว่าผมหมายถึงอะไร? เอ่ยถามเสียงเข้มอีกครั้งพลางประสานสายตากับคนที่ยืนอยู่
...
...
ครับ ผมเข้าใจ
จ้องตากันอยู่ครู่ สุดท้ายทงเฮก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ชายหนุ่มก้มหัวน้อยๆ ยอมรับคำสั่งของเจ้านายอย่างไม่มีข้อแม้ ในใจปวดหนึบขึ้นมากะทันหัน คำพูดของฮยอกแจเมื่อกี้มันไม่ต่างอะไรกับการตอกย้ำถึงฐานะคนดูแลของเขา
คนดูแลที่ไม่ควรทำให้เจ้านายขายหน้า ไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
เดินเลี่ยงไปจัดการค่าเสื้อผ้าทั้งหมดด้วยใบหน้าที่แตกต่างจากข้างในสิ้นเชิง ฝืนยิ้มเล็กน้อยให้กับพนักงานสาวแทนคำขอบคุณ ก่อนจะหันกลับมาเพื่อพบว่าเจ้านายของเขาเดินนำออกนอกร้านไปก่อนแล้ว ทงเฮสูดลมหายใจลึก ก้มมองถุงเสื้อผ้าในมือที่มีจำนวนมากถึงแปดถุงแล้วก็ให้นึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนกับจะแกล้งกันอย่างนั้น บ่นพึมพำไปตามความรู้สึกของตัวเอง ขณะเร่งสาวเท้าเดินตามฮยอกแจที่ไปหยุดอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดังอีกร้านหนึ่ง
บอสครับ ร่างหนาเอ่ยเรียกคนที่กำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม ฮยอกแจหันมามองทงเฮที่หิ้วถุงเสื้อผ้าพะรุงพะรังด้วยสายตาขบขันปนพอใจ ก่อนจะเบี่ยงกายหลบให้ชายหนุ่มได้เห็นใครอีกคนที่เขาคุยด้วย
พี่จองซูครับ นี่เป็นคนดูแลของผม ชื่อทงเฮ... ทงเฮ นี่พี่จองซู ดีไซเนอร์ประจำตัวผม
สวัสดีครับ ทงเฮค้อมกายทักทายชายหนุ่มร่างสูงอย่างนอบน้อม ผิดกับดวงตาคมที่จับจ้องไปที่มือใหญ่ที่วางนิ่งไว้ตรงบั้นเอวเล็ก ทงเฮไม่รู้หรอกนะว่าฮยอกแจจะสนิทกับไอ้หมอนี่แค่ไหน แต่ตอนนี้เขากำลังไม่พอใจอย่างมากถึงมากที่สุดเลยล่ะ
อย่างนี้เรียกว่าแต๊ะอั๋งชัดๆ เลย แม่งเอ๊ย บอสยอมได้ไงวะ!?
สวัสดีๆ เฮ้ย ทำไมได้คนดูแลหล่อขนาดนี้ ไปหามาจากไหนเนี่ย คุณหนู
ปาร์ค จองซูโบกมือทักทายทงเฮอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปกระเซ้าฮยอกแจที่เพียงแค่หัวเราะเบาๆ กับคำถาม
เพื่อนของคยูฮยอนน่ะครับ เพิ่งเริ่มงานได้ไม่ถึงเดือน
อ่า งั้นหรอกเหรอ? แหม ไอ้หนูเล็กนี่ก็เลือกคบเพื่อนดีเนอะ ว่าแต่แน่ใจแล้วนะว่าคนนี้โอเคอ่ะ ท้ายประโยค จองซูชะโงกหน้าไปกระซิบข้างหูฮยอกแจ ท่าทางที่ใกล้ชิดกันเกินความจำเป็น ทำเอาทงเฮตากระตุกขึ้นมาทันที
ถ้าจะถามดังขนาดนี้ มึงไม่ต้องกระซิบก็ได้ครับ ไอ้แก่ กูเห็นแล้วขัดตา
ก็ดีอ่ะพี่ ไม่เหมือนคนก่อนๆ ฮยอกแจตอบ ดวงตาเรียวปรายมองคนหล่อที่ยืนเก๊กขรึม ข่มอารมณ์หงุดหงิดด้วยความหมั่นไส้นิดๆ
อืม พี่ก็ว่าหน่วยก้านโอเคดี แต่หวังว่าแกจะไม่ไล่ออกเขาออกเหมือนรายอื่นหรอกนะ จองซูพูดอย่างกังวล ฮยอกแจชะงัก อ้าปากจะตอบ แต่ไม่ทันทงเฮที่ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
โดนไปแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ยอมออกเอง
ห๊า จริงดิ? เจ๋งว่ะ!” ร่างสูงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทงเฮพยักหน้า ขณะที่ฮยอกแจก็ได้แต่หน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
ช่างเถอะน่า พี่จองซู เริ่มเลยเถอะ ผมไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวันเพื่อมาฟังใครบางคนอวดกิติศัพท์ความเจ๋งของตัวเองหรอกนะ เหน็บใครบางคนที่ยืนนิ่ง แต่แววตาเป็นประกายด้วยความหงุดหงิด ร่างบางเดินกระแทกเท้าเข้าไปหลังร้าน ปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งสองยืนมองหน้ากันตาปริบๆ
ไอ้คุณหนูนี่ยังขี้วีน ขี้เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน นายทนได้ยังไงกันน่ะ หือ? จองซูเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะมองตามฮยอกแจเข้าไปภายในร้าน
มาๆ เอาของวางไว้ตรงโซฟาตรงนั้น แล้วมาเลือกสูทให้นายกันดีกว่า ชี้นิ้วไปที่โซฟาต้อนรับ ก่อนจะเดินนำไปยังโซนเสื้อผ้าที่มีสูทราคาแพงหลายแบบให้เลือกดู ทงเฮเดินตามและยืนนิ่งฟังคำแนะนำของจองซูอย่างตั้งใจ สูทมากมายหลายตัวถูกเลือกมาให้ชายหนุ่มได้ลองใส่ ซึ่งเกือบทั้งหมดนั้น ก็ถูกจองซูคัดเอาไว้เพื่อให้ฮยอกแจได้ออกมาเลือกเองอีกที
อ่ะ ลองตัวนี้อีกทีนะ พี่อยากดูว่ามันจะเหมาะกับนายหรือเปล่า? ร่างสูงยื่นสูทตัวที่ยี่สิบแปดให้ทงเฮที่เพิ่งออกมาจากห้องลองเสื้อ ชายหนุ่มหน้าเหวอ
แต่ผมลองไปยี่สิบกว่าตัวแล้วนะครับพี่ เหนื่อยนะเนี่ย ร่างหนาบ่น หากจองซูกลับหัวเราะพร้อมตบบ่ากว้างให้หันหลังกลับไปทางเดิมอีกครั้ง
เอาน่า ตัวสุดท้ายแล้ว ลองใส่ดู เดี๋ยวพี่ไปเรียกฮยอกแจมาช่วยเลือกอีกที นี่หนีไปหลับหลังร้านรึเปล่าก็ไม่รู้ บ่นงึมงำกับตัวเอง ก่อนจะเลี่ยงเดินเข้าไปหลังร้าน ปล่อยให้ทงเฮยืนทำหน้าเมื่อยพลางมองสูทในมืออย่างเหนื่อยใจ
จะให้ลองอะไรมากมายวะ ทำอย่างกับจะซื้อให้กูใส่ไปถึงปีหน้า =_=
แอบบ่นคนเดียวในใจ ขณะลากเท้าเดินกลับไปยังห้องลองเสื้อ แต่เพราะมัวแต่มองทางข้างหน้า ทงเฮจึงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดด้วยความสนใจ
ทงเฮ
ทงเฮกำลังจะเข้าไปด้านในอยู่แล้วเชียว ตอนที่มีเสียงเรียกมาจากอีกทางหนึ่งของร้าน ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองคนเรียกที่เดินเข้ามาหาด้วยความสงสัย
ใช่ทงเฮจริงๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งพูดพลางยิ้มหวาน ทงเฮเงียบ พยายามทบทวนความจำว่าเคยเจอเธอที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออก
อะไรกัน นายจำฉันไม่ได้เหรอเนี่ย น่าเสียใจจัง แต่ก็ช่างเถอะ ถึงจำชื่อไม่ได้ แต่นายก็น่าจะจำคืนนั้นของเราได้ใช่มั้ย? หญิงสาวพูดพลางส่งสายตายั่วยวนอย่างไม่ปกปิด นิ้วเรียวยกกรีดแผงอกแกร่งแผ่วเบา แต่กลับทำให้ทงเฮรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาทันที
ให้ตายสิ เขาลืมไปได้ยังไงวะ!? นี่มันภรรยาเจ้านายเก่าที่เคยใส่ร้ายว่าเขาหลอกปล้ำนี่หว่า!!!
คุณ...!!”
หืม อะไรเหรอ? หรือว่านายจำเรื่องของเราได้แล้ว หญิงสาวเอ่ยถามยิ้มๆ ต่างจากทงเฮที่ชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ
หยุดพูดเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด ก่อนจะถอยห่างจากคนตรงหน้าเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดสำหรับสายตาคนภายนอกที่มองมา หากแต่การกระทำแบบนั้นกลับทำให้หญิงสาวคิดไปเองว่ากำลังถูกรังเกียจโดยผู้ชายคนเดิมที่หล่อนเคยยั่วยวนอยากได้มาเป็นสามีน้อย หากก็ไม่สำเร็จ
ถอยห่างออกจากฉันแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง ทงเฮ เสียงแหลมที่แว้ดขึ้นอย่างไม่เบานักเรียกสายตาจากคนในร้านให้หันมามองด้วยความสนใจ ทงเฮยืนเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำ ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกอยากบีบคอผู้หญิงคนนี้มากขนาดไหนก็ตาม
ทั้งที่เป็นคนทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้านแท้ๆ ยังมีหน้ามาตอแยกันแบบนี้อยู่อีก ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้นแหละครับ ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมไม่อยากพูดเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ผมขอตัวก่อน ชายหนุ่มเอ่ยด้วยวาจาราบเรียบพลางเตรียมเดินหนี หากแต่คำพูดประโยคต่อมาของหญิงสาวกลับทำให้ทงเฮหยุดชะงักและหันกลับไปมองหล่อนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
ฮึ ไม่อยากพูดเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เพราะกลัวคนอื่นเค้ารู้ล่ะสิว่าเคยเป็นชู้กับเมียชาวบ้านมาก่อนน่ะ
คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ได้ทำแบบนั้น ทงเฮแย้งเสียงเข้ม นัยน์ตาคมวาวโรจน์ด้วยความโมโห
ถึงไม่ได้ทำ แต่คนอื่นก็คิดว่านายทำ อย่าปฏิเสธฉันเลยน่า อี ทงเฮ ฉันให้นายได้ทุกอย่างที่นายต้องการนะ
ประโยคแรกเสียดสี แต่ประโยคหลังกลับออดอ้อนฉอเลาะ น่าขยะแขยง ทงเฮขบกรามแน่น รู้สึกได้ถึงศักดิ์ศรีที่กำลังถูกเหยียบย่ำเพราะตัณหาของผู้หญิงน่ารังเกียจประเภทนี้
ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณ และคุณเองก็ไม่ควรต้องการอะไรจากผมเหมือนกัน ในเมื่อคุณก็มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งบ้าน ครอบครัว สามี ลูก หยุดทำตัวแบบนี้ซักทีเถอะครับ เพราะยิ่งทำ มันก็ยิ่งทำให้ตัวคุณดูน่าสมเพชในสายตาของผมมากขึ้น ชายหนุ่มเอ่ยตัดรอนเสียงเข้ม เท้าหนาทำท่าว่าจะเดินหนีไปทางอื่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ คำพูดที่หญิงสาวเอ่ยออกมาและสายตาของคนทั้งร้านกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกชาดิกไปทั้งตัว
ทำเป็นพูดดี อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ อี ทงเฮ... นายปฏิเสธฉัน แต่กลับไปยุ่งกับเมียเจ้านายถึงสองคนจนถูกไล่ออก หึ ประวัตินายมันด่างพร้อยแค่ไหน รู้บ้างหรือเปล่า!?!”
คุณ...!” ทงเฮกำมือแน่น โมโหสุดขีด เขาอยากจะฉีกผู้หญิงคนนี้เป็นชิ้นๆ แต่ก็ยังช้ากว่าร่างของใครคนหนึ่งที่ก้าวพรวดเข้ามาหา
ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ถึงได้กล้าประจานตัวเองขนาดนี้ แต่ถ้าคุณยังไม่หยุดดูถูกคนของผมล่ะก็ ต่อให้เป็นผู้หญิง ผมก็ไม่เว้นหรอกนะครับ ^^”
ฮยอกแจยิ้มหวาน มือเรียวแตะแขนทงเฮเบาๆ ขณะที่ตัวเองยืนประจันหน้ากับหญิงสาวแปลกหน้าอย่างไม่เกรงกลัว นัยน์ตาคู่สวยฉายประกายบางอย่างที่ทำให้คนมองรู้สึกผวาแปลกๆ แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็ทำใจกล้าเถียงออกไป
คนของคุณ? เฮอะ แน่ใจแล้วเหรอที่รับผู้ชายคนนี้ทำงานด้วยน่ะ คุณไม่รู้จักเขาดีพอ ผู้ชายคนนี้ทำได้ทุกอย่าง เขาลวนลามฉันเพื่อที่จะได้ใช้ฉันเป็นบันไดไต่เต้าไปตำแหน่งที่สูงกว่า พอสามีฉันจับได้ เขาก็เลยโดนไล่ออก เท่านั้นไม่พอ นอกจากจะไม่สำนึก เขายังเอานิสัยแบบนี้ไปใช้ข่มขู่ภรรยาของเจ้านายอีกตั้งสองบริษัท แต่ก็โดนจับได้และไล่ออกอีก คนแบบนี้ไม่ควรคบหาสมาคมด้วยซ้ำ!”
หญิงสาวตะโกนลั่นร้าน ก่อนจะยิ้มหยัน เมื่อเสียงซุบซิบดังขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ด่าว่าให้ทงเฮทั้งสิ้น ฮยอกแจนิ่งเงียบ เหลือบตามองร่างหนาที่ยืนโกรธหน้าดำหน้าแดงอยู่ด้านหลังแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
ถือว่าผมเตือนคุณแล้วนะครับ เสียงหวานเอ่ย และไม่ทันที่ใครจะคาดคิด ฝ่ามือบางก็ตวัดฟาดลงบนแก้มของคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว












เพี๊ยะ!












...












เงียบกริบ
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก นอกจากสายตาที่จ้องมองการกระทำของฮยอกแจด้วยความตกใจ แม้แต่ทงเฮเองก็ยังยืนอึ้ง ด้วยไม่คิดมาก่อนว่าฮยอกแจจะทำถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มก้มมองร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ก่อนจะตวัดมองร่างบางที่นิ่งเฉย ไม่มีท่าทีสำนึกผิดและไม่สะทกสะท้านต่อสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว
กรี๊ดดดดดด แก... แกตบฉัน!!!” คนโดนตบกรีดร้อง มุมปากมีของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมา
นี่แค่เล็กน้อย ผมยังไม่ได้ลงแรงเต็มที่ด้วยซ้ำ มือตบอันดับหนึ่งเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ทำไป ดวงตาเรียวเขม็งมองคนที่ยังไม่ยอมลุกขึ้นอย่างข่มขวัญ
ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการบอกเล่าเรื่องราวเลวๆ ที่ประจานตัวเองของคุณให้ทุกคนฟังนะครับ... และผมก็ขอบอกตรงนี้เลยว่าอี ทงเฮ ผู้ชายคนนี้เป็นคนของผม...
เขาเป็นคนของตระกูลคิม ถ้าใครมีปัญหากับประวัติส่วนตัวของเขา ให้มาเคลียร์กับผมได้ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ เพราะผมไม่คิดว่าการที่ทุกคนรับข้อมูลข่าวสารไปแบบผิดๆ มันจะส่งผลดีต่อตัวพวกคุณเอง เพราะถ้าผมรู้ว่าใครเอาเรื่องของผู้ชายคนนี้ไปเล่าต่อแบบเสียหาย ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่
ใบหน้าหวานเชิดขึ้นมองไปรอบร้าน สีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงแววน่ากลัวของฮยอกแจทำให้ทุกคนที่ได้สบตาต่างกลั้นใจฟัง ใครๆ ต่างก็รู้กิตติศัพท์ของตระกูลคิมดี ภายนอกอาจจะดูไร้พิษสง อ่อนหัด แต่ภายในกลับร้ายกาจยิ่งกว่ายาพิษทุกชนิดรวมกันเสียอีก ใครที่เผลอไปมีเรื่อง ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตทุกราย
สำหรับคุณผู้หญิง...
เมื่อไม่เห็นว่าจะมีใครมีปัญหา ฮยอกแจจึงก้มลงมองคนที่นั่งตัวสั่นพลางเหยียดยิ้มมุมปาก
ถ้ายังไม่หยุดหาสามีน้อยด้วยวิธีการแบบนี้อีกล่ะก็ ผมรับรองได้ว่าหลักฐานการมีชู้ของคุณจะถูกส่งไปถึงคุณปาร์คทุกรายละเอียด ไม่มีตกหล่นแน่นอน
พะ... พูดบ้าอะไร ฉันไม่เคยทำอย่างนั้นนะ!” หญิงสาวเถียงหน้าตาซีดเผือด แต่ฮยอกแจไม่สนใจ ร่างบางทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า มือเรียวยื่นไปสัมผัสปลายคางมนแผ่วเบา รอยยิ้มที่ใครก็ต่างหลงใหลแย้มออกมาเพียงเล็กน้อย
ทำอะไรไว้ คุณรู้อยู่แก่ใจ อย่าให้ผมเห็นว่าคุณมาระรานคนของผมอีก... อี ทงเฮเป็นของผม เขาเป็นของผมคนเดียว... อ้อ แล้วก็เผื่อคุณอยากจะรู้... เสียงหวานกระซิบเบาๆ ดวงหน้าหวานชะโงกเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนแก้มแนบแก้ม













ลีลาของเขาน่ะเด็ดกว่าที่คุณจินตนาการไว้เยอะเลย














อะ... อะไรนะ...





เสียดายที่วันนี้ผมมีเวลาไม่มาก ไม่อย่างนั้น ผมคงเล่าให้คุณฟังได้ว่าเราทำกันท่าไหนบ้างและของเขา... ถึงใจผมแค่ไหน





...!!”





ถ้าอยากฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ติดต่อทนายของผมได้หรือถ้าอยากจะเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว ผมก็ไม่ว่ากัน
มือเรียวดึงนามบัตรออกมาและโยนมันให้หญิงสาวที่นั่งอึ้งอยู่ที่เดิม ฮยอกแจแสยะยิ้มร้าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันไปทางเจ้าของร้านที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าร่าเริง
ก็แหม นานๆ ทีจะมีอะไรระทึกตึกตักมาให้จั๊กจี้หัวใจนี่นา ~(oo)~
พี่จองซูช่วยส่งชุดที่ทงเฮลองทั้งหมดไปให้ผมที่บ้านด้วยนะครับเอ่ยปากบอกร่างสูงที่ยังทำหน้าฟินไม่หาย
โอเค~”
แล้วก็ถ้ามีอะไรเสียหายก็คิดรวมกับค่าเสื้อผ้าได้เลยนะครับ
อ่า ไม่มีหรอก ไม่มี จองซูรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ในร้านนี้ไม่มีอะไรเสียหายหรอก ที่จะมีก็คงเป็นหน้าตาของคุณลูกค้าที่แกตบไปเมื่อกี้ไง อะฮิ๊ง~
งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ทงเฮ...
ครับ
กลับ!” ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ ก่อนจะเชิดหน้าเดินออกจากร้านไปด้วยท่วงท่าสง่างามสมกับเป็นทายาทตระกูลดังของเกาหลี ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ต่างมองตามด้วยความโล่งอก



XXXXXXXXX



ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน บรรยากาศภายในรถที่เงียบสนิทสร้างความอึดอัดให้แก่บอสหนุ่มไม่น้อย อี ฮยอกแจที่เอาแต่จ้องมองด้านหลังของคนดูแลประจำตัวอยู่นานเม้มปากเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นครั้งแรกที่ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความว้าวุ่น เมื่อนึกไปถึงผลของการกระทำเมื่อครู่ที่ผ่านมา
แม้จะมั่นใจและพอใจที่ได้ทำแบบนั้น แต่หลังจากที่ได้เห็นสีหน้านิ่งเฉย แทนที่จะเป็นความยินดีขอบคุณของทงเฮอย่างที่คาดเอาไว้ ฮยอกแจกลับรู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไปสักอย่าง และคงจะเป็นอะไรที่ผิดเอามากๆ มันถึงทำให้คนดูแลสุดหล่อคนนี้ไม่ยอมมองหน้าหรือพูดจากับเขาแม้แต่คำเดียว
รถจอดนิ่งสนิทอยู่บริเวณบันไดขึ้นคฤหาสน์ ฮยอกแจเหลือบตามองคนที่อ้อมมาเปิดประตูให้ ขัดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นอีกฝ่ายไร้ปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ นอกจากท่าทางนิ่งขรึมผิดปกติ
เอาของไปไว้ในห้องคุณหนูนะครับ
หยุดยืนฟังร่างหนาเอ่ยปากสั่งสาวใช้ที่วิ่งลงมาต้อนรับ ดวงหน้าหล่อระบายยิ้มบาง ยามพูดกับเด็กสาวตรงหน้า แต่พอหันกลับมาทางเขา รอยยิ้มนั่นกลับหายไปอย่างรวดเร็วและนั่นก็ทำให้ฮยอกแจรู้สึกใจหายแปลกๆ
ใช่แน่ๆ ทงเฮต้องโกรธอะไรเขาสักอย่างอยู่แน่ๆ
ฟันคมขบเรียวปากนุ่มเบาๆ หูได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังมา ก่อนที่เจ้าของฝีเท้านั่นจะเดินแซงขึ้นมารอเปิดประตูห้องให้เขาด้วยแววตา... ว่างเปล่า
...
สองทุ่มผมจะมาเรียกนะครับ
ประโยคสั้นๆ ของทงเฮที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่เงียบมานานทำให้ฮยอกแจเผลอกัดปากตัวเองอย่างแรง ดวงหน้าหวานหันกลับไปมองบานประตูที่ปิดสนิทอย่างสับสน ทงเฮไม่ได้ตามเข้ามาเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ ชายหนุ่มทำปั้นปึ่งมึนตึงใส่ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เพิ่งถูกเขาช่วยออกหน้าปกป้องไป คำขอบคุณซักคำก็ยังไม่มี เป็นอะไรของเขา
ก๊อกๆ
ขออนุญาตค่ะคุณหนู สาวใช้คนเมื่อกี้เดินเข้ามาพร้อมกับถุงช้อปปิ้งหลายถุง
เอาไปไว้ห้องทงเฮ ฮยอกแจบอก สาวใช้ทำหน้างง
เอาทั้งหมดนั่นไปให้ทงเฮ บอกว่าเป็นของเขา แล้วก็ถ้ามีคนเอาสูทมาส่ง ให้เอาไปไว้ห้องทงเฮอีกเหมือนกัน
ค่ะสาวใช้รับคำ ก่อนจะออกจากห้องไป ขณะที่ฮยอกแจเองก็เดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้าง ในหัวมีแต่เรื่องของทงเฮ ทงเฮ ทงเฮ จนนึกหงุดหงิดตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมเขาต้องคิดมากกับเรื่องของคนดูแลแค่คนเดียวด้วยเนี่ย! ไม่เข้าท่าเลย อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะรู้สึกแบบไหนก็ตามใจสิ เขาไม่เห็นต้องให้ความสนใจอะไรมากมายเลย
เพราะฉะนั้น หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะ ฮยอกแจ! หยุดคิดไปเลย! L



XXXXXXXXX
           

            งานเลี้ยงฉลองเปิดตัวบริษัทใหม่ในเครือของตระกูลคิมถูกจัดขึ้นที่โรงแรมดังในย่านหรู ภายในงานเต็มไปด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหลายบริษัทที่ให้เกียรติมาร่วมยินดี ฮยอกแจเหลียวมองรอบกายที่เต็มไปด้วยผู้คนแปลกหน้า ก่อนจะแอบย่นจมูกใส่แผ่นหลังของพี่ชายคนโตที่เพิ่งกลับมาจากปักกิ่งเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้ก็กำลังต้อนรับนักธุรกิจอาวุโสที่เขาพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างด้วยท่าทีเคารพนบน้อม
            ก็ไม่รู้ว่าพี่ฮีชอลจะขอให้เขามางานนี้ด้วยทำไม ในเมื่อถึงจะมา แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีประโยชน์หรือช่วยเหลืออะไรได้ เพราะนอกจากชื่อเสีย (ง) ในฐานะทายาทคนที่สองของตระกูลแล้ว ฮยอกแจก็ไม่มีหน้าที่การงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคิมโจวกรุ๊ปเลยสักนิด
            แต่ถ้าให้มาในฐานะคู่แข่งของบริษัทล่ะก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องนึง คึคึ
            โว้วๆ ทำไมถึงมีคนของอี คอร์เปอเรชั่นมาอยู่ในงานของคิมโจวกรุ๊ปได้ล่ะคร้าบ เป็นไส้ศึกแฝงตัวมาหรือเปล่าคนสวย
            เสียงร้องทักกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่พุ่งเข้ามาพร้อมสีหน้ากวนได้ใจทำให้ฮยอกแจหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แขนเรียวอ้ากว้างตอบรับอ้อมกอดที่รัดแน่นยิ่งกว่างูเหลือมด้วยความเต็มใจ
            ทักทายได้น่าตบปากมาก ฮยอกแจพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะถอยออกมายืนมองร่างสูงตรงหน้าด้วยสายตายินดี
            ไม่ยักรู้ว่าพี่ฮีชอลก็เชิญคนของชเวมาด้วยเหมือนกัน
            โอ๊ะ ประทานโทษขอรับ นี่ใคร... นี่แขกกิตติมศักดิ์จากชเวเชียวนะครับคุณพี่ คิมโจวลงทุนขยายอำนาจไปไกลถึงปักกิ่งทั้งที ถ้าชเวไม่มายินดี แล้วใคร๊ ใครจะมา ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าทะเล้นเรียกเสียงหัวเราะจากฮยอกแจได้อีกหน
            ปากดีเหมือนเดิมเลยนะ ชิม ชางมิน ว่าแล้วก็แกล้งตบปากคนตรงหน้าเล่นไปหนึ่งที ชางมินหัวเราะร่าพลางฉวยโอกาสยึดมือนุ่มไว้พร้อมกดจูบเล่นอยู่อย่างนั้นไม่หยุด
            มือพี่ฮยอกแจนี่ยังหอมเหมือนเดิมเลยอ่ะ ผมช๊อบ ชอบ
            ไปป้อคนอื่นเถอะ ตาโย่ง พี่ไม่หลงกลหรอกนะ ร่างบางพูดยิ้มๆ พลางชักมือกลับ ตาเรียวจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มรุ่นน้องที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยแววระอาปนเอ็นดู ซึ่งชางมินก็เพียงแค่ทำหน้างอแงนิดหน่อยที่ถูกรู้ทัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะขยับเข้ามายืนเคียงพี่ชายคนสวยและเริ่มต้นพูดคุยตามประสาคนที่รู้จักและสนิทสนมกันมานาน



XXXXXXXXX



            ไอ้ทงเฮ มึงไปไหนมา แล้วพี่กูล่ะ?
            อีกมุมหนึ่งของงาน คยูฮยอนที่เพิ่งเว้นช่วงจากการต้อนรับบุคคลสำคัญได้เดินเข้ามาหาร่างหนาที่กำลังหยุดยืนมองไปรอบงานเพื่อหาใครคนหนึ่งที่เขาทิ้งเอาไว้เมื่อหลายนาทีก่อน
            กูไปห้องน้ำมา มึงมีไร? ทงเฮถามพลางหันมามองเพื่อนซี้ที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีดำเข้มไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่
            พี่ฮีชอลถามหา สงสัยอยากจะพาน้องชายคนโปรดไปรู้จักกับว่าที่แฟนล่ะมั้ง
คยูฮยอนเบะปากพลางยักไหล่นิดๆ ทงเฮหัวเราะหึในลำคอ เหล่ตามองคนที่ทำท่าเหมือนไม่สนใจ แต่สุ้มเสียงกลับเต็มไปด้วยความหวงแหนในตัวพี่ชายเสียจนน่าขัน
ก็ดีนี่ ว่าแต่มึงไปรู้จักกับเขามาแล้วเหรอ?
ไม่อ่ะ ไม่ กูจะไม่ไปทำความรู้จักกับพวกมาเฟียข้ามชาติตามลำพัง โดยไร้คู่หูอย่างหนูกลางแน่นอน ไม่แน่นอน ส่ายหน้าพร้อมยกมือขึ้นทั้งสองข้าง แสดงอาการต่อต้านให้เห็นอย่างเด่นชัด
มึงก็พูดไป มาเฟียข้ามชาติอะไรวะ ที่กูเห็นจากตรงนี้ เขาก็โอเคดีทุกอย่างนะเว้ย เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ทำหน้านิ่งไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ร่างหนาพูดพลางชะเง้อมองไปยังบริเวณด้านหน้าเวทีที่มีกลุ่มคนยืนอยู่ ซึ่งทงเฮมั่นใจได้ว่าในกลุ่มนั้นต้องมีพี่ชายคนโตของคยูฮยอนร่วมแจมอยู่ด้วยแน่นอน
บ้านกูเรียกขี้เก๊ก กูไม่ชอบ ฮึ ว่าพลางเชิดหน้าปรายตามองอย่างหมั่นไส้ทำเอาทงเฮหลุดหัวเราะร่วน
ทำมาหวงพี่เหมือนเด็กสามขวบเลยนะมึง
ฮึ่ย หุบปากไปเลย ไอ้เฮ หัวเราะไปเหอะ ไหนอ่ะ พี่กู เขม่นมองชายหนุ่มแปลกหน้าจนพอใจแล้ว คยูฮยอนก็หันกลับมาเล่นงานเพื่อนตัวเองบ้าง ทงเฮหยุดหัวเราะทันที ก่อนจะชะเง้อคอมองหาคนที่เพื่อนถามถึง
ไม่รู้ว่ะ กูก็กำลังหาอยู่เนี่ย พูดพลางขมวดคิ้วมุ่น เขาขอตัวไปห้องน้ำแปบเดียวเอง คุณเจ้านายคนเก่งหายไปไหนซะแล้วก็ไม่รู้ ให้มันได้อย่างนี้
ปล่อยให้คลาดสายตาได้ไงวะ ไอ้เชี่ย เดี๋ยวแม่งก็มีเรื่องขึ้นมาอีกหรอก คยูฮยอนพูดด้วยความตกใจ ทงเฮนิ่งไปอย่างวิตก
ไม่หรอกมั้ง มึงก็พูดเหมือนเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ อย่างนั้นแหละ เอ่ยแก้ต่างให้คุณเจ้านาย แต่ในใจกลับเห็นพ้องกับคำพูดของเพื่อนไปแล้วกว่าครึ่ง ด้วยเพราะเพิ่งประสบกับเหตุการณ์จริงมาแล้วเมื่อตอนบ่ายนี้เอง สีหน้านิ่งๆ กับคำพูดที่ฟังดูสุภาพ แต่ใครจะคิดว่าคนอย่างฮยอกแจจะทำกับผู้หญิงแบบนั้นได้หน้าตาเฉย แม้แต่ทงเฮยังนึกไม่ถึงเลยเถอะ
ก่อเรื่องทำร้ายคนอื่นในที่สาธารณะได้ลงคอ ที่สำคัญคนนั้นยังเป็นเพศแม่ของตัวเอง อี ฮยอกแจคงเกินคำว่าร้ายกาจไปมากแล้วล่ะ
มึงยังไม่รู้จักคนชื่ออี ฮยอกแจดี ไอ้ทงเฮ คยูฮยอนพูดยิ้มๆ
หมายความว่าไง?
ทงเฮเลิกคิ้ว คยูฮยอนเงียบ ดวงตาคมกวาดมองไปทั่ว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงชายสอง หญิงหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร มุมปากสวยได้รูปยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยกับภาพที่ได้เห็น และนั่นก็ทำให้ทงเฮรีบเหลียวมองตาม ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
ก็หมายความว่า...
...
ถึงนิสัยของพี่กูจะไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แต่ฮยอกแจก็ไม่เคยอยู่เฉยๆ ให้ใครหาเรื่องก่อนเหมือนกัน... มึงคอยดูนะ... หนึ่ง สอง สาม... บิงโก!”








กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อี ฮยอกแจ! แก... หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า!!”



XXXXXXXXX



            ฮยอกแจเชิดหน้ามองผลงานของตัวเองด้วยแววตาสมเพช ร่างของหญิงสาวในชุดราตรีสวยรวมถึงทรงผมและใบหน้าที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีเปียกโชกไปด้วยของเหลวกลิ่นละมุดกำลังเต้นเร่าๆ ดิ้นกระแด่วเหมือนปลาขาดน้ำอยู่ตรงหน้าเขา
            กรี๊ด แก... ไอ้ทุเรศ! ฉันจะฆ่าแก!”
            นิ้วเรียวถูกยกขึ้นชี้หน้า ก่อนที่หญิงสาวจะพุ่งเข้ามาหาด้วยความโมโหระคนอับอาย ฮยอกแจเบี่ยงกายหลบตามสัญชาตญาณ ใบหน้าหวานปรายมองคนที่บอกว่าจะฆ่าเขา แต่กลับพุ่งหลาวลงไปจูบกับพื้นห้องโถงแทน สภาพแลดูน่าสงสารพอๆ กับน่าขำบอกไม่ถูก
            เก็บแรงเธอไว้อ่อยผู้ชายเถอะ จองอึม ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แยแสต่อสายตาหลายคู่ที่มองมายังเขาราวกับจะประณาม
            ฮวัง จองอึมกัดฟันแน่น สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างไม่ปกปิด
            อี ฮยอกแจ แกทำร้ายฉัน!” เสียงแหลมตวาดลั่น นัยน์ตากลมโตแดงก่ำ ทั้งอับอายและเสแสร้งบีบน้ำตาไปพร้อมๆ กัน ฮยอกแจเลิกคิ้วสูง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเนือยๆ เรื่องทำให้เขากลายเป็นมารร้ายในสายตาคนอื่น ฮวัง จองอึมถนัดนักแหละ
            ก็ใช่ ฉันทำร้ายเธอ แล้วไง? จะป่าวประกาศไปทั่วงานเลยไหมล่ะ? เอาไมค์หรือเปล่า เวทีก็ได้นะ อยู่นั่นไง รีบไปสิ ชี้นิ้วไปทางหน้าเวที ขณะจ้องหน้าจองอึมด้วยสายตาเรียบเฉย คนถูกท้านึกเจ็บใจกับอีกฝ่ายที่ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านหวาดกลัวเหมือนที่เธอนึกหวังเอาไว้ หนำซ้ำยังยืนกอดอกเยาะเย้ยให้เธออับอายมากเข้าไปอีก
            อยากจะกรี๊ดนัก คนอย่างฮวัง จองอึมทำอะไรไอ้หน้าหวานนี่ไม่ได้ซักนิดเลยรึไง!
            “โอ๋เอ๋ๆ น้องจองอึมอย่าร้องไห้เลยนะครับ รีบลุกขึ้นแล้วไปให้คุณแม่โอ๋ดีกว่านะ ชิม ชางมินที่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่ด้านหลังรีบเข้ามาบอก จองอึมกัดปากแน่น นัยน์ตากลมสั่นระริก ยามตวัดสายตามองคนพูดอย่างตัดพ้อ
            พี่ชางมิน ทำไมพูดกับจองอึมแบบนี้ล่ะค่ะ จองอึมเป็นฝ่ายเสียหายนะ พี่ก็เห็น!” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างที่ฟังดูก็รู้ว่าเสแสร้งชัดๆ
            ลุกขึ้นเถอะน่า ฮวัง จองอึม คนเขามองกันใหญ่แล้ว ให้เกียรติตระกูลฉันหน่อยสิ วันนี้แขกสำคัญมากันเยอะ เธอก็น่าจะรู้ดีนี่
เสียงนุ่มดังมาจากคยูฮยอนและทงเฮที่รีบเดินเข้ามาสมทบ จองอึมรีบสะบัดหน้าไปมอง ใบหน้าสวยฉายแววโมโหเพียงครู่ ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแขกหลายคนเริ่มเดินเข้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มีตัวช่วยมากนักเหรอ อี ฮยอกแจ!
            พี่คยูฮยอน!” หญิงสาวเรียกเสียงดัง หยดน้ำใสปริ่มๆ จะร่วงลงมาอยู่รอมร่อ ฮยอกแจมองอาการนั้น ก่อนจะเหยียดยิ้มเยาะ ยัยบ้านี่ทำอะไรไม่ได้ ก็ใช้น้ำตาทุกที น่าสมเพช ฮึ
            ทำไมไม่มีใครช่วยจองอึมเลย จองอึมโดนทำร้ายนะคะ!” หญิงสาวตัดพ้อเสียงสั่น ยิ่งเห็นคนมุงดูมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งทำตัวให้ดูน่าสงสารมากเท่านั้น ซึ่งมันคงจะได้ผลกับทุกคน ยกเว้นฮยอกแจคนเดียวที่ดูออกทั้งหมดว่านั่นเป็นเพียงการแสดง
            “ฮยอกแจทำร้ายจองอึม เอาไวน์ราดจองอึม ทั้งๆ ที่จองอึมไม่ได้ทำอะไรฮยอกแจเลยซักนิด แล้วพี่คยูฮยอนกับพี่ชางมินยังจะมาซ้ำเติมจองอึมอีกเหรอคะ ใจร้ายเกินไปแล้วนะ!” ว่าจบก็ซบหน้าลงกับฝ่ามือ เหมือนทนไม่ไหวที่ถูกทำร้ายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม
            ฮือ ทำไมทุกคนทำแบบนี้... จองอึมทำอะไรผิด... ฮือ...
            เสียงร้องไห้กับคำพูดตัดพ้อน้อยอกน้อยใจของหญิงสาวทำให้เกิดเสียงซุบซิบฮือฮาต่อว่าร่างบางที่ยืนกอดอกมองอยู่ คยูฮยอนสบตากับชางมินพลางยักไหล่พร้อมกันด้วยความรำคาญ ก็ไม่ใช่ว่าจะด้านชากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด่าทอที่โดนอยู่ตอนนี้หรอกนะ แต่ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจนพวกเขาชินชากันไปซะแล้วล่ะ เฮ้อ
            “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฮวัง จองอึม
            ขณะที่เหตุการณ์กำลังไปได้สวย น้ำเสียงเข้มงวดก็ดังแทรกกลางขึ้นมาเสียก่อน ทุกสายตาหันขวับไปทางเจ้าของงานที่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ฮีชอลก้มมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยังไม่ยอมลุกขึ้นยืน แม้ว่าจะมีคนทั้งงานมุงดูอยู่ด้วยความสนใจก็ตาม
            พี่ฮีชอล จองอึมลุกไม่ไหว... ฮึก จองอึมเจ็บ
            ลุกไม่ไหวหรือว่าสำออยกันแน่ ฮยอกแจอดว่าให้ไม่ได้
            ทำไมฮยอกแจพูดแบบนี้ จองอึมลุกไม่ไหวจริงๆ ฮือ
ร่างเล็กสะอึกสะอื้นต่อหน้าคนทั้งงาน ฮยอกแจพ่นลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะก้าวเข้าไปหาหญิงสาว เสียงอุทานดังขึ้นรอบทิศ ด้วยต่างคิดไปในทางเดียวกันว่าร่างบางกำลังจะเข้าไปทำร้ายจองอึมเป็นรอบที่สอง แต่แล้วทุกคนก็เป็นอันต้องเงียบไป เมื่อจู่ๆ ก็มีคนแทรกตัวเข้าไปประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นมาก่อนด้วยท่าทีอ่อนโยน
            ค่อยๆ ลุกนะครับ เสียงทุ้มบอกเบาๆ มือใหญ่สัมผัสท่อนแขนเล็กแผ่วเบา จองอึมพยักหน้าน้อยๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนใจดีที่เข้ามาช่วยหล่อน หากแต่เพียงได้สบตากับดวงตาคมที่ทอดมองด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าหล่อเหลาระยะโคลสอัพก็ทำเอาเธอถึงกับตายกลางอากาศทันที
            ให้ตายเหอะ ผู้ชายคนนี้หล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ใครกันเนี่ย?
            “ทงเฮ! นายทำอะไร ปล่อยยัยนั่นเดี๋ยวนี้นะ!” ฮยอกแจที่ยืนเหวออยู่เริ่มได้สติ ดวงตาเรียวเบิกมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ก่อนจะออกคำสั่งกับคนดูแลหนุ่มด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
            ยืนเองไหวมั้ยครับ? คนถูกเรียกแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ชายหนุ่มประคองร่างของจองอึมอย่างสุภาพที่สุด โดยที่จองอึมเองก็พยายามเอนตัวเข้าหาชายหนุ่มให้ได้มากที่สุดเช่นกัน ดวงตากลมเหลือบมองทงเฮอีกครั้งพลางซ่อนยิ้มในสีหน้าด้วยความยินดี
            หน้าตาแบบนี้ ตรงสเป็คจองอึมที่สุดเลย เนื้อคู่กันแน่ๆ >_<
            ทงเฮ!” ฮยอกแจเรียกร่างหนาอีกครั้ง หากทงเฮกลับทำหูทวนลม เขาพยุงจองอึมให้เผชิญหน้ากับฮยอกแจพลางมองร่างบางอย่างไม่ชอบใจ
            ทงเฮ ผมสั่งให้นายกลับมานี่เดี๋ยวนี้!” เสียงหวานออกคำสั่งหนักแน่น ขณะประสานสายตากับร่างหนานิ่ง
            ไม่ครับ ทงเฮปฏิเสธ มองคนที่ยืนอึ้งไป ก่อนจะเอ่ยต่อ
            ผมจะทำตามคำสั่ง ถ้าบอสขอโทษคุณจองอึมก่อน
            “หมายความว่ายังไง? ฮยอกแจถามอย่างไม่เชื่อหู เขาหูฝาดไปหรือเปล่า? ทำไมเขาต้องขอโทษคนที่เข้ามาหาเรื่องเขาก่อนด้วยไม่ทราบ!
            ผมบอกว่าบอสควรขอโทษคุณจองอึม ทงเฮพูดย้ำพลางมองสีหน้าตกตะลึงของเจ้านายด้วยแววตากดดัน ฮยอกแจเงียบ มือเรียวกำเข้าหากัน รู้สึกเหมือนกำลังถูกหักหน้าอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หัวใจดวงน้อยลดจังหวะลงช้าๆ สวนทางกับความโกรธที่แล่นตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
            ไม่! ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น
แต่บอสทำผิดนะครับ บอสต้องรับผิดชอบในสิ่งที่บอสทำ คนดูแลหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม ไม่ยอมอ่อนข้อให้เจ้านายตัวน้อยที่ตั้งท่าดื้อแพ่งยืนกรานปฏิเสธความผิดของตัวเองได้หน้าตาเฉย
ผมไม่ได้ทำผิดและผมก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ!” เสียงหวานแข็งกร้าว นัยน์ตาคู่สวยสะบัดมองไปทางพี่ชายคนโตที่ยืนฟังอยู่ ฟันคมขบริมฝีปากล่างไว้ เมื่อเห็นฮีชอลพยักหน้าเหมือนเห็นด้วยกับคำพูดของทงเฮ
            ทำตามที่ทงเฮบอก ฮยอกแจพี่ชายเอ่ยแกมสั่งเล็กๆ ดวงตาดุจ้องมองน้องชายอย่างกดดันไม่ต่างไปจากทงเฮที่ยังไม่ยอมทำตามคำสั่ง จนกว่าจะได้ฟังฮยอกแจเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวข้างกาย
            ไม่ทำ!” ร่างบางประกาศชัดเจน ดวงหน้าหวานหันกลับมาทางทงเฮและคู่กรณีที่แอบส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้ด้วยความคับแค้นใจ
            คนที่ต้องขอโทษคือผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่ผม
            แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ ฮยอกแจ
จองอึมแสร้งสะอื้นเบาๆ ฮยอกแจกัดฟันแน่น รับรู้ถึงทุกสายตาที่มองมายังเขาด้วยแววตากล่าวหา ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายตรงหน้า ความรู้สึกน้อยใจก่อตัวขึ้นในอกและกดดันจนขอบตาคู่สวยเริ่มแดงก่ำ
ก็ได้... เสียงหวานแค่นกระซิบแผ่วเบา ทงเฮมีท่าทีตกใจกับสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของร่างบาง เขานิ่งอึ้ง ขณะที่ฟังอีกฝ่ายเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
ถ้านายอยากจะเชื่อแบบนั้น... ก็ตามใจ
ฮยอกแจเบือนหน้าหนี ปิดบังความรวดร้าวในแววตาด้วยการรีบสาวเท้าเดินจากไปจากบริเวณนั้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่งไว้ตัวอย่างที่เคยทำมาตลอด
ก็แค่ถูกใส่ร้าย...
ก็แค่ไม่มีใครเข้าใจ... ก็แค่นั้นเอง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น