ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก้าวออกมาจากลิฟท์ด้วยท่าทางเร่งรีบ
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ยามที่นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นดูแล้วพบว่ามันเลยเวลาเข้างานมามากโขแล้ว
ขายาวเร่งฝีเท้าตรงไปทางห้องจัดเลี้ยงสุดชีวิต ก่อนจะเบรกกึก เมื่อเดินมาถึงทางเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านขวามือ
“เอาวะ ไหนๆ ก็สายแล้ว” พึมพำเบาๆ
ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนใจเลี้ยวเข้าห้องน้ำไปสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเสียก่อน
“โหเชี่ย ลิปสติกมาได้ไงวะ?”
ทันทีที่เห็นสภาพของตัวเองในกระจก
หนุ่มหล่อก็หลุดคำสบถออกมายาวเหยียด ทรงผมที่เซ็ทมาอย่างดียุ่งเหยิง
ต้นคอซ้ายหลังกกหูมีคราบรอยลิปสติกสีแดงจัดจ้าแฝงอยู่ ชายเสื้อด้านในหลุดลุ่ย
เนคไทด์บิดเบี้ยว สูทอาร์มานี่ราคาแพงก็ยับย่น
หมดกัน
มาดประธานบริษัทผู้เคร่งขรึมที่เก๊กมาตลอดสามปี
คอตกกับภาพสะท้อนในกระจก
ใครจะรู้ว่าบทรักเร่าร้อนที่เขาเพิ่งผ่านมาจะสลัดภาพลักษณ์ดีงามที่สั่งสมไว้มานานให้ปลิดปลิวหายไปหมด
แล้วกลับมาเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญคนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด
ดีนะที่ไล่พวกคนติดตามให้ลงมางานก่อนแล้ว
ไม่งั้นคงมีคนเอาเรื่องเขาวันนี้ไปรายงานคนบ้าอำนาจที่บ้านแน่นอน
“เฮ้อ” ถอนหายใจยาวๆ ขณะเร่งจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้ดูดีเหมือนเดิม
แม้จะทำได้ยากก็เหอะ ก็แหม สูทยับขนาดนี้ ใครไม่สงสัยก็บ้าแล้ว
กระชับเสื้อสูทนอกอีกสองที
ก่อนจะฉีกริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มการค้าที่จำต้องใช้
มองความดูดีของตัวเองด้วยความปลาบปลื้มใจอีกนิดหน่อย
ชายหนุ่มก็พาตัวเองออกไปจากห้องน้ำทันที
ตึ่กๆๆ
พลั่ก!
กำลังจะออกไปหล่ออยู่แล้วเชียว
แต่เสียงฝีเท้าที่มาพร้อมกับแรงปะทะจากใครคนหนึ่งก็ทำเอาร่างสูงถึงกับเซเล็กน้อย
ความไม่พอใจพุ่งขึ้นมา
หากสัญชาตญาณกลับสั่งให้อ้อมแขนกว้างรีบโอบรับคนตัวเล็กที่กำลังจะล้มลงไปต่อหน้าต่อตาเขา
“ขะ... ขอโทษครับ” คำขอโทษแผ่วๆ
และน้ำเสียงสั่นเทาของคนในอ้อมกอดทำให้ชายหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
ก่อนที่นัยน์ตาสีเข้มจะเบิกกว้าง
เมื่อเห็นใบหน้าของคนซุ่มซ่ามที่เงยขึ้นสบตากับเขา
“ฮยอกแจ...” เอ่ยเรียกชื่อคุ้นเคยอย่างประหลาดใจ
ด้วยไม่นึกว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ แต่ที่น่าตกใจกว่าคือหน่วยตาคู่สวยที่เขานึกชอบในเวลานี้กลับเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส
“ทำไม...”
“พี่ชีวอน”
กำลังจะเอ่ยถามถึงสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยของเขาร้องไห้
แต่เสียงเรียกและวงแขนเรียวที่ตวัดกอดรอบเอวก็ทำให้ชเว ชีวอนทิ้งคำถามนั่นและตัดสินใจฉับไวด้วยการโอบอุ้มคนตัวเล็กที่ซุกหน้าลงกับอกเขาออกไปจากบริเวณนั้นทันที
XXXXXXXXX
“โทษมึงคนเดียวเลย ไอ้หอกหัก”
น้ำเสียงนุ่มหูแต่แฝงแววกรุ่นโกรธจากคนตรงหน้าดังขึ้นมาเป็นคำแรก
หลังจากที่พวกเขาเพิ่งได้รับฟังความจริงจากผู้ร่วมเหตุการณ์จบไป ร่างหนาของชายหนุ่มที่รับตำแหน่งคนดูแลทายาทคนที่สองของตระกูลคิมก้มหน้าหลบสายตาของคยูฮยอนและชางมินที่กำลังจ้องมองมาเพื่อตอกย้ำถึงสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ความผิดพลาดที่ทำให้ทงเฮรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก
“เพราะมึง พี่กูถึงหายไป แม่งเอ๊ย ไอ้ควาย โง่ โง่ โง่!”
คยูฮยอนโมโห ชายหนุ่มกระแทกเสียงด่าเพื่อนคำแล้วคำเล่าอย่างยั้งตัวเองไม่อยู่
พี่ชายเขาหายไป ฮยอกแจหายตัวไปหลังจากที่วิ่งออกมาจากงานเฮงซวยนั่นตามลำพัง
ไม่มีใครรู้เห็น และไม่มีใครติดต่อฮยอกแจได้เลยซักคน
ซึ่งนั่นทำให้คยูฮยอนที่เป็นห่วงพี่ชายกว่าใครไม่อาจอยู่นิ่งได้
ยิ่งมาได้ยินความจริงจากชางมินว่าฮยอกแจถูกจองอึมกลั่นแกล้งด้วยการเอาน้ำราดก่อน
ชายหนุ่มก็ยิ่งร้อนรนเป็นไฟจนแทบจะแล่นไปบ้านฮวัง
จองอึมแล้วลากหล่อนไปโยนลงแม่น้ำฮันให้สาสมกับที่ใส่ร้ายพี่เขา
หากก็ถูกทงเฮและชางมินรั้งเอาไว้เสียก่อน
“กูอุตส่าห์ไว้ใจให้มึงดูแลพี่กู แล้วดูมึงทำ! ไอ้เพื่อนเหี้ย
มึงนี่มันน่า...” กัดฟันพูดเพราะความโกรธที่ยังไม่จางหาย
ร่างสูงกำมือแน่น ใจนึกอยากจะพุ่งเข้าไปซัดหน้าหล่อๆ ของเพื่อนให้หายโมโห
แต่พอเห็นสีหน้าสำนึกผิดและน้ำเสียงหงอยๆ ที่ออกมาจากคนตรงหน้า
คยูฮยอนก็จำต้องข่มอารมณ์ตัวเองไว้ ไม่ให้พลั้งเผลอทำอะไรรุนแรงลงไปมากกว่านี้
“กูขอโทษจริงๆ คยูฮยอน”
ทงเฮเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ เขาไม่รู้ว่าการที่ช่วยปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง
มันจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปแบบนี้
ฮยอกแจไม่ได้เป็นคนเริ่ม
แต่เขากลับปรักปรำกล่าวหา กลายเป็นคนที่ทำให้เจ้านายอับอาย ทำงานผิดพลาดทำให้เจ้านายหายตัวไป
เขามันเป็นลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในโลกเลยจริงๆ
“เอาน่าๆ ใจเย็นก่อน มึงจะโทษไอ้ทงเฮคนเดียวได้ยังไงวะคยู
ไอ้ทงเฮมันเพิ่งรู้จักพี่ฮยอกแจได้ไม่ถึงเดือน แถมยังไม่รู้จักฤทธิ์เดชของจองอึมดี
มันก็เลยต้องเข้าใจผิดเป็นธรรมดา อีกอย่างในสถานการณ์ตอนนั้น เป็นใคร ก็ต้องคิดว่าพี่ฮยอกแจเป็นคนทำร้ายยัยนั่นอยู่แล้ว” ชางมินพูดอย่างเป็นกลางที่สุด มองท่าทางของเพื่อนสองคนที่แตกต่างกันไปคนละขั้วแล้วก็ให้นึกหนักใจสุดๆ
มือใหญ่ยกขึ้นตบบ่าคยูฮยอนเบาๆ เหมือนจะบอกให้เพื่อนใจเย็นลงหน่อย
“แต่ถึงยังไง
มันก็ไม่ควรเข้าข้างคนอื่นมากกว่าพี่กู แล้วไหนจะพี่ฮีชอลอีก
หักหน้ากันกลางงานแบบนั้น คิดบ้างมั้ยว่าหนูกลางจะรู้สึกยังไง”
คยูฮยอนยังไม่หายโมโห
ใบหน้าหล่อบึ้งตึง ไม่พอใจทั้งเพื่อนและพี่ชายคนโต โดยเฉพาะพี่ฮีชอล
รู้ทั้งรู้ว่าฮยอกแจเป็นคนอ่อนไหวแค่ไหน แต่ก็ยังทำร้ายจิตใจน้องได้ลงคอ
ไอ้เหี้ยแม่ง ถ้าตามหาฮยอกแจไม่เจอ เขาจะโกรธ โกรธคิม ฮีชอลจนตายไปเลย!!
“มึงหยุดโวยวายก่อนเหอะน่า กูว่าที่พี่ฮีชอลทำแบบนั้น
เป็นเพราะเขามีเหตุผลนะเว้ย” ชางมินพยายามกล่อม
“เหตุผลอะไร! จะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนเป็นพี่ถึงกับทำร้ายจิตใจน้องชายตัวเอง
นอกจากจะกลัวเสียงานเสียหน้า!”
คยูฮยอนเอ่ยอย่างหงุดหงิดพลางสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง แต่แล้วเขากลับต้องชะงัก
เพราะภาพพี่ชายคนโตที่ยืนมองกลับมาด้วยแววตาน้อยใจ
ไอ้เชี่ยยยยยยย
มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ =[]=
“คยูฮยอนคิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
น้ำเสียงที่เคยเข้มงวดหนักแน่นเอ่ยออกมาสั่นๆ เล่นเอาคนฟังถึงกับใจกระตุกไม่รู้ตัว
คยูฮยอนหน้าเหวอ ใจหนึ่งอยากจะปฏิเสธแล้วแสดงท่าทีล้อเล่นเช่นทุกครั้ง
แต่อีกใจที่กำลังขุ่นเคืองกลับสั่งให้เขาชักสีหน้าเฉยชาใส่พร้อมทั้งเบนสายตาหนีคนที่กำลังมองมาอย่างตัดพ้อ
“ไม่รู้สิ ปกติพี่ก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่ เห็นงานสำคัญกว่าน้อง” พูดออกไปแล้ว ร่างสูงก็แทบจะยกมือตบปากตัวเองซักสิบที แต่ไม่ได้
มึงต้องเก๊ก ชายโจว มึงต้องใจแข็งเข้าสู้ มึงต้องเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนให้หนูกลาง
ไฟท์ติ้ง!
“อย่างนั้นเหรอ?” คิม ฮีชอลพึมพำแผ่วเบา
ดวงตาคู่สวยหม่นแสงลงเพราะคำพูดของน้องชายที่กระแทกลงกลางใจอย่างจัง
ไม่รู้ตัวเลยว่ากลายเป็นคนแบบนั้นในสายตาน้องชายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่พยายามทำงานอย่างหนัก
ทำหน้าที่ของพี่ชายคนโตที่แบกความหวังของตระกูลเอาไว้อย่างดีที่สุด
แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือคำปรามาสและความหมางเมินจากน้องชาย
เขาทำผิดไปงั้นเหรอ?
“แล้ว... แล้วมาที่นี่ทำไมอ่ะ
ทำไมไม่ไปพักผ่อน”
เพราะเห็นพี่ชายเงียบไปซะเฉยๆ แถมยังทำหน้าตาน่าสงสาร
คยูฮยอนผู้ไม่อาจจะใจแข็งให้กับพี่ชายที่รักได้นานจึงอ้อมแอ้มถามคำถามที่แฝงความเป็นห่วงออกไปเบาๆ
“พี่แค่จะมาคุยกับชางมินน่ะ” ฮีชอลตอบ ใบหน้าสวยหันไปทางร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนตัวตรงทันทีที่ยินชื่อตัวเองหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสวย
“พี่ฮีชอลมีอะไรกับผมเหรอครับ” ชางมินถามน้ำเสียงสุภาพ แอบเตะขาไอ้คนข้างๆ
ที่ทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจใส่พี่ชายไปทีหนึ่ง
คงนึกว่าพี่ฮีชอลจะมาคุยเรื่องพี่ฮยอกแจล่ะสิ โธ่ ไอ้เด็กสามขวบเอ๊ย พี่ฮีชอลไม่แสดงออกให้เห็นก็จริง
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเย็นชาไม่สนใจพี่ฮยอกแจซักหน่อย น้องสุดที่รักทั้งคนนะ ไอ้กร๊วก
นึกด่าคนเป็นเพื่อนในใจ ระอามาก
แม่งหลงคบมันมาได้ยังไงไม่รู้ตั้งหลายปี
“ชางมินติดต่อชีวอนให้พี่หน่อยได้มั้ย”
“ครับ?”
ชางมินถึงกับเลิกคิ้วสูง เพราะชื่อของลูกพี่ลูกน้องที่ควบตำแหน่งเจ้านายที่ดังมาจากคนตรงหน้า
ประหลาดใจเป็นล้นพ้นที่อยู่ดีๆ คนอย่างคิม ฮีชอล
ราชินีผู้เย่อหยิ่งอยากจะสนทนานอกเวลางานกับสุดยอดชายหนุ่มที่สุดแสนกะล่อนไปทั่วปฐพีอย่างชเว
ชีวอน
อืม... อย่าบอกนะว่าอยากจะกลับมากิ๊กกันอีกน่ะ? #Oops
“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดแน่นอน เชี่ยโย่ง” คยูฮยอนรีบสกัดความคิดเพื่อนเสียงแข็ง ดวงตาคมตวัดมองพี่ชายอย่างไม่พอใจ
“พี่จะติดต่อมันทำไม”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ฮีชอลบอกน้องชายเสียงเรียบ ไม่สนใจท่าทางฮึดฮัดของคยูฮยอนเลยซักนิด
ร่างโปร่งสบตากับชางมินนิ่งพลางออกคำสั่ง
“ติดต่อหมอนั่นให้พี่ที ขอด่วนที่สุด พี่อยากรู้ว่าชีวอนพาฮยอกแจไปไหน” กล่าวจบ
ประธานคิมโจวกรุ๊ปก็หันหลังออกจากห้องนั่งเล่นของตระกูลโจวไปทันที
ทิ้งให้ชายหนุ่มสามคนนิ่งอึ้ง มองตากันปริบๆ
“สมกับเป็นคิม ฮีชอล” ชางมินปรบมือไล่หลังอย่างชื่นชม
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ฮีชอลใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็รู้แล้วว่าพี่ฮยอกแจหายไปกับใคร
แตกต่างจากใครบางคนที่เอาแต่โวยวายไม่ได้สาระแถวนี้เหลือเกิน” ว่าแล้วก็อดแซะเพื่อนไม่ได้ คยูฮยอนหน้าบึ้ง ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนอย่างโมโห
“พวกมึงลุก! กูจะไปบุกบ้านชเว!” ประกาศก้องเสียงดัง แต่หาได้มีใครสนใจไม่
“ไปนอนเหอะ ทงเฮ กูรับรองว่าอยู่กับพี่กู พี่ฮยอกแจปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน”
ชางมินกอดคอทงเฮเดินออกไปจากห้อง
เอ่ยวาจาหว่านล้อมร้อยแปดให้เพื่อนใหม่คลายสีหน้ากังวล ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้คยูฮยอนโวยวายอยู่ด้านหลังอย่างไร้คนสนใจต่อไป
“ไอ้ทงเฮ ไอ้โย่งกลับมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย! พี่กูโดนชเว
ชีวอนลักพาตัวไป ทุกคนต้องเดือดร้อนสิวะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
XXXXXXXXX
“แน่ใจนะว่าจะเอาอย่างนี้น่ะ หืม”
ชเว ชีวอนย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้าคนบนโซฟา
ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มอ่อนโยน
ยามทอดสายตามองดวงหน้าหวานที่ฉายแววเศร้าสร้อยเหงาหงอยเบือนมองออกไปนอกกระจกใสอย่างไร้จุดหมาย
“รบกวนพี่ชีวอนรึเปล่าล่ะครับ?”
คนโดนถามไม่ได้ตอบคำถามนั่น แต่กลับส่งคำถามใหม่กลับมาแทน ชีวอนยิ้มบาง
ข้อนิ้วยาวยกเกลี่ยพวงแก้มใสแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“รบกวนอะไรกัน พี่ยินดีซะอีกที่ได้เป็นคนดูแลฮยอกแจในเวลาแบบนี้” บอกออกไปพลางเขยิบกายเข้าใกล้เจ้าของแขนเรียวที่หันมาโอบรอบคอเขา
“พี่ชีวอนยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะครับ” ฮยอกแจพึมพำ
เปลือกตาบางหลับพริ้ม ขณะโน้มใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายจนหน้าผากของทั้งสองแนบชิดกัน
คนตัวสูงยิ้มรับคำพูดนั่น จับจ้องสายตาไปยังแพขนตาหนา ปัดป่ายปลายจมูกคลอเคลียกับคนตรงหน้าอย่างปลอบประโลม
เนิ่นนานแค่ไหนที่ไม่ได้เจอกัน
ในวันนี้ฮยอกแจของเขาก็ยังคงเป็นเสมือนเด็กชายตัวน้อยๆ ไม่มีเปลี่ยนไปเลย
“ใครรังแกน้องน้อยของพี่กันนะ บอกพี่ได้มั้ยครับคนดี”
เขาถาม แขนสองข้างกอดกระชับเอวบาง สบประสานสายตากับนัยน์ตาคู่สวยที่กำลังสั่นระริกเพราะความเสียใจ
ฮยอกแจเม้มปากเงียบ
ดวงตากลอกมองไปด้านข้าง ก่อนจะหลุบต่ำและเหลือบขึ้นมองเขาใหม่อีกหน
“ไม่มีครับ ฮยอกแจทำตัวเอง”
“หือ?” เลิกคิ้วให้กับคำตอบที่แสนงุนงง
“ฮยอกแจทำอะไรครับ?” ชีวอนถามพลางผละใบหน้าออกมานิดนึง
เมื่อร่างบางทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น
“ฮยอกแจทำตัวไม่ดี ทำให้งานพี่ฮีชอลพัง แต่ฮยอกแจไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะครับ
แต่... แต่ตอนนั้นฮยอกแจโกรธ... ฮึก ไม่มีใครเข้าข้างฮยอกแจเลย” คนพูดสะอื้นฮึกๆ หยดน้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นสาย ชีวอนใจหายวูบ
ชายหนุ่มประคองแก้มทั้งสองข้างไว้ในอุ้งมือ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดหยดน้ำตาด้วยท่าทางทะนุถนอม
“ชู่ว ไม่ร้องไห้นะครับ
เงียบก่อนแล้วเล่าให้พี่ฟังซิว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
ประธานฯ ชเวกรุ๊ปเอ่ยปลอบ คนขี้แยสะอื้นถี่
หากก็ยอมพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเองเอาไว้
มือบางยกปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ในงานเลี้ยงให้ร่างสูงฟัง
ใช้เวลาไม่นาน
เรื่องราวแบบกระท่อนกระแท่นที่มาพร้อมเสียงสะอื้นก็จบลง ฮยอกแจก้มหน้า
ไหล่บางยังสั่นเทาอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าโอเคกว่าตอนเริ่มร้องอยู่มาก
“ฮยอกแจทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง พี่ฮีชอลจะต้องโกรธฮยอกแจมากแน่ๆ” คนไม่ได้ก่อเรื่องแต่เป็นคนรับกรรมงึมงำอย่างใจเสีย หากชีวอนกลับยิ้มกว้าง
เพราะสิ่งที่คนตัวเล็กพูดออกมา มันทำให้เขารู้สึกชื่นชมและภูมิใจในตัวฮยอกแจอย่างมาก
และชีวอนก็มั่นใจว่านอกจากเขาแล้ว น้อยคนนักที่จะได้เห็นตัวร้ายที่ใครๆ
ต่างเข็ดขยาดในมุมเด็กดีแบบนี้
ฮยอกแจไม่ได้ร้องไห้ที่การกระทำของพี่ชายจะทำให้เขากลายเป็นคนผิดในสายตาคนอื่น
เด็กน้อยอย่างฮยอกแจเข้าใจดีว่าทำไมฮีชอลถึงสั่งให้เขาขอโทษจองอึม
เพราะต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายเหล่านั้น การที่เขาซึ่งเป็นผู้ชายเอ่ยคำขอโทษต่อผู้หญิงก่อน
มันเป็นสิ่งที่สมควรทำที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น
ฮยอกแจกลับให้ความน้อยใจอยู่เหนือเหตุผล ฮีชอลหักหน้าไม่ยอมเข้าข้างเขา
แต่เขาก็ฉีกหน้าฮีชอลด้วยการเดินหนีออกมาทั้งอย่างนั้น
ก็ถือว่าเป็นการเอาคืนที่เหมาะสมดีสำหรับสองคนพี่น้องอ่ะนะ
“พี่ว่าฮีชอลจะเข้าใจ เผลอๆ ตอนนี้อาจจะกำลังเป็นห่วงฮยอกแจอยู่ก็ได้”
ชีวอนยิ้มเผล่
มือล้วงไอโฟนที่ตั้งสั่นไว้ในกระเป๋าออกมาโชว์ ฮยอกแจเบิกตามองน้อยๆ ชื่อชางมินที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้ความกังวลของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ฮยอกแจไม่อยากให้พี่ฮีชอลเป็นห่วง แต่เขาก็ยังไม่พร้อมจะเจอใครตอนนี้ โดยเฉพาะคนๆ
นั้น
“พี่ชีวอน...”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง” ชีวอนพูด
น้ำเสียงปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด
“แต่ว่าพี่ชีวอนอาจจะเดือดร้อน” ฮยอกแจไม่สบายใจ
“เดือดร้อนแบบนี้ พี่เต็มใจครับ” ชีวอนหัวเราะในลำคอ
คำพูดที่แฝงนัยและรู้กันดีระหว่างสองคนทำให้ฮยอกแจเผลอหลุดรอยยิ้มออกมา... รอยยิ้มของนางมารตัวน้อย
“ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วครับ” คนตัวเล็กถาม
อาการร้องห่มร้องไห้เมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง
“ถ้าไม่นับที่ต้องเจอกันตามงานแล้วก็ประชุม โอกาสก็แทบเป็นศูนย์เลยล่ะครับ” ชีวอนตอบยิ้มๆ
“บอกไว้ก่อนว่าตอนนี้ไม่หมูแล้วนะครับ เห็นว่ามีมาเฟียตามมาจากปักกิ่งด้วยคนนึง”
“จริงเหรอครับ?” ชีวอนนิ่วหน้า ฮยอกแจหัวเราะคิกคักพลางยกมือขึ้นเท้าคาง
ดวงตามีแววยั่วเย้า
“แบบนี้จะสู้ไหวรึเปล่าครับ?”
ปลายนิ้วเรียวลากไล้ไปตามสันกราม
ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงกลีบปากนุ่มของอีกฝ่าย ชเว ชีวอนกดยิ้มกริ่ม
สบสายตากับร่างเล็กตรงหน้า มือใหญ่คว้าจับนิ้วซุกซนเอาไว้ ก่อนจะกดจูบลงไปแผ่วเบา
“ของอย่างนี้ มันต้องลองดูซักตั้งครับ เผื่อฟลุ๊ค”
ไม่ว่าเปล่า ยังมียักคิ้วหลิ่วตาให้ตามประสาคนทะเล้น
ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบลุกขึ้นยืน ท่าทางกระตือรือร้นเต็มที่
“เห็นทีคืนนี้พี่คงจะไม่ได้นอนเป็นเพื่อนฮยอกแจแล้วล่ะ
คงไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ฮยอกแจนอนคนเดียวได้”
“งั้นพี่...” ลากเสียงยาว
สีหน้าท่าทางที่ฮยอกแจรู้ทันได้ในทันที ร่างบางลุกขึ้นดันตัวชีวอนไปทางประตู
“รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวแม่มดอาละวาด แล้วก็รบกวนด้วยนะครับ”
จัดการเปิดประตูให้คนตัวสูงเสร็จสรรพ
ชีวอนเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้าหวาน
ก่อนจะโน้มริมฝีปากประทับจูบลงบนพวงแก้มใสด้วยท่าทางอ่อนโยน
“ฝันดีนะครับ นางฟ้าของพี่”
“ฝันดีครับ”
ฮยอกแจยิ้มหวาน
ก่อนจะปิดประตูห้องและเดินกลับเข้ามาหยิบมือถือโทรหาใครบางคน ดวงตาเรียวที่ยังคงแดงก่ำน้อยๆ
ฉายประกายเย็นชาน่ากลัวแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
[ยอโบเซโย]
“จินกิ พี่อยากดื่ม นายมาหาพี่หน่อยได้มั้ย?”
XXXXXXXXX
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะว้อย แกเอาพี่ชายฉันไปไว้ที่ไหน ชเว ชีวอนนนนนนน!!!”
เช้าวันใหม่กับคยูฮยอนในสภาพเก่าที่กำลังแหกปากโหวกเหวกโวยวายใส่ประธานฯ
ของชเวกรุ๊ปทำเอาใครหลายคนในห้องทำงานขนาดกว้างต่างพากันลอบถอนหายใจด้วยความรำคาญ ชางมินตรงเข้าไปรั้งไหล่เพื่อนให้กลับมานั่งที่ของตัวเองเป็นรอบที่ยี่สิบ
ตบบ่าเบาๆ ให้มันใจเย็นลง ก่อนจะตบหัวเป็นของแถมอีกหนึ่งที
เมื่อคยูฮยอนตั้งท่าจะพยศอีกรอบ แน่นอนว่าวิธีนี้ได้ผล
เป็นอันรู้กันว่าถ้าถูกตบหัวเตือนสติเมื่อไหร่
ทายาทคนเล็กของคิมโจวจะหุบปากเงียบให้คนฟังสบายหูไปได้อีกห้านาที
ฮีชอลเงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะ
ประสานสายตากับแขกคนสำคัญที่นั่งทำตาหวานเยิ้มอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเอือมระอา
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นจ้องตากับนายทั้งวันหรอกนะ ชีวอน
บอกมาดีกว่าว่าน้องชายฉันอยู่ที่ไหน” ท่านประธานฯ
ของคิมโจวกรุ๊ปเอ่ยเสียงเรียบ
“นายรู้ได้ยังไงว่าฮยอกแจไปกับฉัน นายสนใจเรื่องของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ฮีชอล” ชีวอนไม่ตอบ แต่ถามกลับน้ำเสียงอบอุ่น
ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มที่เจ้าตัวมั่นใจนักหนาว่าใครเห็นเป็นต้องหลงไปให้
หากฮีชอลกลับเบือนหน้าหนีพลางชี้ปลายปากกาไปทางทีวีจอยักษ์ติดผนังข้างห้อง
“ขอโทษครับ ไอ้คุณพี่ชีวอน พี่ชายฉันไม่ได้และไม่เคยสนใจแกเว้ย
ที่ถามก็เพราะกล้องวงจรปิดที่โรงแรมมันเป็นหน้าแกที่เป็นคนพาหนูกลางออกไป
ช่วยตอบให้ตรงจุดตรงประเด็นหน่อยสัด มึงจะมัวลีลาทำพ่อง... อุ๊บ...~!@#$%^&*()_~!@#$%^&*!” เป็นคยูฮยอนที่แหกปากตอบแทนให้ ก่อนจะถูกชางมินตะปบปิดปากพร้อมตบหัวแล้วลากคอกลับที่เดิมตามสเต็ป
ชีวอนยิ้มกว้าง
เหลียวมองชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังถูกสองเพื่อนรุมสั่งสอนด้วยแววตาขบขัน
“แหม คยูฮยอนนี่ยังเป็นเด็กพูดมาก ปากเก่งเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“เพื่อนเล่นมึงเหร... อั่ก”
“เชี่ยคยู นั่นพี่กู” ชางมินโบกเข้าให้
“คยูฮยอนช่วยอยู่เงียบๆ หน่อยได้มั้ย พี่ทำงานไม่รู้เรื่องเลย” ฮีชอลขมวดคิ้วใส่ คยูฮยอนอ้าปากจะเถียง แต่พอสบดวงตาดุของพี่ชายเข้าไป
จากมารร้ายก็กลายเป็นเด็กงอแงไปทันที
“ถ้าเห็นงานสำคัญกว่าเรื่องของหนูกลางก็เชิญทำงานต่อไปเลย!” คนที่โตแต่ตัวทำหน้าบึ้ง เดือดร้อนพี่ชายต้องรีบแก้ตัวยกใหญ่
“พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ฮีชอลเอ่ยเสียงอ่อย
“แล้วหมายความแบบไหน ก็เห็นอยู่ว่าพี่ไม่ได้สนใจจะถามเรื่องหนูกลางเลย!” คยูฮยอนของขึ้น
“พี่สนใจและเป็นห่วงหนูกลางไม่แพ้นายหรอกนะ คยูฮยอน”
คนเป็นพี่แย้งเสียงแข็ง จากที่ว่าจะอ่อนให้น้อง แต่พอโดนต่อว่าหนักเข้า
คนที่ไม่เคยยอมใครอย่างคิม ฮีชอลก็เผลอแสดงท่าทีโมโหออกไปอย่างลืมตัว
“ผมไม่เชื่อ!”
“คยูฮยอน!!!”
สองพี่น้องตะโกนใส่กันดังลั่นห้อง
ชีวอนที่ตอนแรกกะจะมาป้อคนพี่เต็มที่ค่อยๆ ไถลตัวลงนอนเหยียดกับเก้าอี้
พยายามทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะกลัวโดนหางเลขไปด้วย
แหม
ผิดแผนไปหน่อยแฮะ -.-
“คยู กูว่ามึงใจเย็นก่อนดีกว่านะ”
ทงเฮที่เงียบมานานลุกขึ้นมาดึงตัวเพื่อนไว้
ใช่ว่าเขาจะไม่เป็นห่วงฮยอกแจ แต่เพราะโดยนิสัยส่วนตัวแล้ว
ทงเฮไม่ใช่เลือดร้อนและไม่ใช่คนที่โมโหอะไรแบบไม่มีเหตุผล
ชายหนุ่มจึงได้แต่อยู่นิ่งๆ
รอฟังคนที่ชางมินบอกว่าเป็นพี่ชายตัวเองยอมเอ่ยปากบอกออกมาตรงๆ แม้จะอดรำคาญ
เพราะเจ้าตัวเล่นแง่คอยแต่จะม่อพี่ฮีชอลอยู่อย่างเดียวก็เหอะ
“มึงไม่ต้องยุ่ง มึงก็เหมือนกัน ไอ้ทงเฮ
มึงก็มีส่วนผิดที่ทำให้หนูกลางหนีไป”
คยูฮยอนสะบัดตัวหนีและหันมาต่อว่าเขา
“เห้ย เชี่ยนี่อย่าพาลดิวะ” ชางมินทนไม่ไหวลุกขึ้นมาห้าม
“มึงใจเย็นก่อน ทุกคนก็เป็นห่วงพี่ฮยอกแจกันทั้งนั้นแหละ
แต่จะให้มาโวยวายไร้สาระแบบมึง มันก็ไม่ช่วยอะไร เข้าใจบ้างดิวะ”
“...” คยูฮยอนเงียบ ชายหนุ่มกำมือแน่น
ก่อนจะหันไปเตะโซฟาราคาแพงเต็มแรงแล้วเดินออกจากห้องไป
ปล่อยให้ทุกคนมองตามด้วยความหนักใจอย่างบอกไม่ถูก ทงเฮถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาพอเข้าใจความรู้สึกของคยูฮยอนเลยไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรมากมาย
RRRrrrr~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ
ทุกสายตาเหลียวมองทงเฮที่รีบหยิบมือถือของตัวเองออกมาด้วยสีหน้างุนงง เพราะเขาเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ใหม่
ฉะนั้นจึงไม่มีใครที่จะรู้จักเบอร์โทรศัพท์ของเขา นอกจากคนที่สนิทกันจริงๆ
“ขอตัวซักครู่นะครับ” เอ่ยปากบอกทุกคน ก่อนจะเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอก
คิ้วหนาขมวดมุ่น ยิ่งได้ยินเสียงปลายสายเป็นเสียงผู้ชายไม่คุ้นหู
ก็ยิ่งทำให้ทงเฮสงสัยมากเข้าไปใหญ่
[คุณอี ทงเฮหรือเปล่าครับ?]
“ครับ ผมทงเฮพูด”
[คือผมมีอะไรอยากให้คุณช่วย ตอนนี้ผมอยู่กับพี่ฮยอกแจ...]
“ที่ไหนครับ?” ทันทีที่ได้ยินชื่อคนที่ทำให้เป็นห่วง
ร่างหนาก็รีบเอ่ยปากถามออกไปอย่างรวดเร็ว
[ผมจะบอกคุณ ถ้าคุณสัญญาว่าจะมาด้วยตัวเองและไม่บอกใคร] ปลายสายยื่นข้อเสนอ ทงเฮนิ่วหน้าไม่เข้าใจ
“หมายความว่ายังไงครับ ทำไมถึงไม่ให้ผมบอกคนอื่น”
[ถ้าคุณมาเห็น คุณก็จะรู้เหตุผลเองแหละครับ ความจริงพี่ฮยอกแจไม่ให้ผมบอกใครด้วยซ้ำ
แต่ว่าตอนนี้มันวิกฤติแล้วจริงๆ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดูแลพี่ฮยอกแจ
เพราะฉะนั้นช่วยมาทีเถอะนะครับ] คู่สนทนามีน้ำเสียงร้อนรนและนั่นก็ทำให้ทงเฮตัดสินใจทันที
“โอเคครับ ผมจะไม่บอกใคร แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ”
เอาวะ รับปากไปก่อนแล้วกัน
ไปถึงค่อยว่ากันอีกที
[ผมอยู่คอนโดพี่ฮยอกแจครับ คุณขับรถมาที่... เจนกิ~ มาสนุกด้วยกันเร็ว~... หวา พี่ฮยอกแจ...
เอาเป็นว่าคุณรีบมาแล้วกันนะครับ ผมจะแย่แล้ว เร็วๆ นะครับ]
เสียงปลายสายดังลอดออกมาเป็นระยะ
แต่ตอนนี้ทงเฮไม่ได้ฟังแล้ว เท้าหนาวิ่งตรงไปยังลิฟท์ตั้งแต่ได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยดังแทรกเข้ามา
ใจดวงแกร่งรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก
เสียงแบบนั้น
เมาแน่ๆ เมาชัวร์เลย แล้วยังอยู่กับผู้ชายอีก... แม่ง
“ถ้าไปแล้วเจอแบบคราวนั้นอีก จะไม่ไว้หน้าเลย คอยดู!”
คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักอย่างไม่รู้ตัว
XXXXXXXXX
ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เขาเคยเห็นหน้าแบบผ่านๆ
แล้วครั้งหนึ่งยืนรออยู่แล้วตรงล็อบบี้ด้านล่าง ทงเฮไม่พูดพร่ำทำเพลง
พอเดินไปถึงก็คว้าแขนอีกฝ่ายเดินดุ่มๆ ขึ้นลิฟท์ไปทันที
“อี ฮยอกแจทำอะไรเหรอครับ?”
อารมณ์กรุ่นที่ปะทุอยู่ในอกอย่างไม่รู้สาเหตุทำให้ทงเฮเลือกที่จะเอ่ยชื่อเจ้านาย
แทนคำแทนตัวอย่างที่อีกฝ่ายเคยสั่ง จินกิหัวเราะเสียงแห้ง
ดวงตาคมที่ไม่แม้แต่จะปรายมองรวมถึงสีหน้าถมึงทึงน่าหวั่นเกรงแบบแปลกๆ
ทำให้เขาต้องนึกย้อนไปใหม่ว่าคิดถูกหรือเปล่าที่โทรหาคนๆ นี้แทนที่จะเป็นคนอื่น
ดูหน้าแล้วให้อารมณ์เหมือนจะมาก่อสงครามกันยังไงยังงั้นเลย
- -+
“ผมว่าคุณไปเห็นเองจะดีกว่านะครับ” จินกิเลือกที่จะไม่ตอบ ชายหนุ่มเงยหน้ามองตัวเลขที่ไล่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ
พลางภาวนาขอให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว
ติ๊ง~
เสียงลิฟท์ที่บอกว่าถึงชั้นที่ต้องการแล้วทำให้สองหนุ่มพ่นลมหายใจที่เผลอกลั้นเอาไว้ออกมาพร้อมกัน
จินกิรีบเดินนำไปก่อนจนเกือบจะวิ่ง เร่งให้ทงเฮที่ตามมาออกอาการร้อนใจไปด้วย
“เชี่ยเอ๊ย เสร็จไปรึยังวะเนี่ย?” เสียงพึมพำจากชายหนุ่มแปลกหน้าทำเอาทงเฮหันขวับ
หมายความว่ายังไงวะที่ว่าเสร็จ...
ไม่ต้องรอคำตอบ เพราะทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาคนมาใหม่ถึงกับตาค้างอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“อะ... อ๊า~ พี่ฮยอกแจ”
“คีย์!!!”
จินกิตะโกนลั่น
ก่อนจะเผ่นพรวดเข้าไปแยกคนสองคนที่กำลังนัวเนียกันอยู่บนพรมพื้นห้องออกจากกัน คีย์หรือคีบอมหอบหายใจหนัก
ทั้งร่างมีเพียงกางเกงขาสั้นตัวน้อยปกปิดเรือนกายเอาไว้ไม่ต่างจากใครอีกคนที่ก่อนหน้านี้ทั้งคร่อมทั้งฟัดจูบกับเขาเสียจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน
“บอส” ทงเฮเน้นเสียงหนัก
ดวงตาคมวาววับเอาเรื่อง ยามมองเจ้านายคนเก่งที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำตัวใหญ่
กระดุมสองเม็ดบนที่ปลดออกเผยให้เห็นรอยแดงช้ำประปราย ฮยอกแจดูตกใจไม่น้อยที่เห็นคนดูแลของตัวเองมายืนเรียกหน้าตาดุดันแบบนี้
แต่พอสงบสติอารมณ์ได้ ใบหน้าหวานก็เชิดขึ้นพร้อมคำถามเย็นชาที่เอ่ยออกไป
“มาทำไม?”
“ผมมารับบอสกลับบ้านครับ”
พอเห็นอีกคนแสดงท่าทีปั้นปึ่งใส่ ทงเฮก็พอจะสำนึกได้ถึงความผิดของตัวเอง
ชายหนุ่มลดสีหน้าลง ขณะเดินเข้ามาหาคนที่นั่งเชิดอยู่บนพื้น
“กลับบ้านเถอะครับ พี่ฮีชอลกับคยูฮยอนเป็นห่วงกันแย่แล้ว” ร่างหนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่ฮยอกแจกลับแค่นหัวเราะ
ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้ยิน
“ผม ไม่ กลับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนี แต่ก็โดนทงเฮรั้งข้อมือเอาไว้
“แต่ทุกคนกำลังเป็นห่วง...”
“ก็บอกว่าผมไม่กลับ ไม่เข้าใจรึไง!”
ร่างบางหันมาสะบัดมือออกและทำท่าจะเดินหนีเข้าไปในห้องนอน ทงเฮมองตาม ไม่รู้ว่าเขาตาฝาดไปหรือเปล่า
แต่แววตาน้อยใจที่ได้เห็น แม้จะแค่ชั่ววินาทีเดียวของคนตรงหน้า
มันกำลังทำให้ก้อนเนื้อในอกไหววูบพร้อมกับความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นเข้ามาอย่างหนัก
“ผมขอโทษ”
ริมฝีปากหยักรีบขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายหายโกรธ
ฮยอกแจชะงักกึก แผ่นหลังบางเหยียดตรง
เมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากคนด้านหลังที่เข้ามายืนชิด
“ผมขอโทษครับ” ทงเฮเอ่ย “ผมขอโทษที่ทำอะไรไม่ไว้หน้าบอส
ขอโทษที่กล่าวหา ผมจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่บอสยอมกลับบ้านกับผมเถอะนะครับ”
“...”
“นะครับ” น้ำเสียงเว้าวอนแฝงความสำนึกผิดทำเอาคนที่ได้ยินใจอ่อนไปตามๆ
กัน จินกิเหลือบสบตากับคนข้างกาย สะกิดให้เก็บเสื้อผ้าของตัวเอง
ก่อนจะพากันย่องออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้เจ้านายกับลูกน้องได้ปรับความเข้าใจกันเพียงลำพัง
ทันทีที่จินกิกับคีย์ออกไป
ทั่วทั้งห้องก็เงียบกริบ ฮยอกแจเม้มปากแน่น ความเป็นเด็กดีสั่งให้หายโกรธแล้วยอมทำตามที่ทงเฮบอก
แต่ทิฐิและความดื้อรั้นกลับไม่ยินยอมที่จะยกธงขาวให้ง่ายๆ
อย่างน้อยวันนี้ทงเฮก็ควรที่จะได้รู้ว่าการที่จะมาเป็นคนดูแลเขาได้นั้น
มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
“ไม่” คำปฏิเสธดังขึ้นชัดเจน
ทงเฮลอบผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด ก็นึกเอาไว้อยู่แล้วล่ะว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น เท่าที่สังเกตนิสัยมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน
คนอย่างอี ฮยอกแจเหรอจะยอมทำตามคำสั่งของคนอื่น ไม่มีทางซะหรอก
“งั้นบอสต้องการอะไรล่ะครับ
อะไรที่จะทำให้บอสยอมกลับบ้านกับผม”
“SEX”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น