วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

SEXY_BOSS_____[17]_____HURT




          ฉันรู้ว่ามันอาจจะกะทันหันไปสำหรับทางฝั่งคุณ แต่ยังไงฉันก็ยังยืนยันว่าต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
            คุณมีเหตุผลอะไรที่จะต้องเร่งจัดงานเร็วขนาดนั้นด้วย คุณโฮยอน
            น้ำเสียงก้องกังวานเต็มไปอำนาจเอ่ยถามเรียบๆ ใบหน้าที่ยังคงความดูดีเฉกเช่นวัยหนุ่มเคร่งขรึมเล็กน้อย สายตาเฉียบคมจ้องมองไปยังแขกผู้มาเยือนนิ่ง
            ถ้าเป็นเพราะเรื่องข่าวซุบซิบของลูกชายคุณยูนกับหนูฮยอกแจ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมกับเจ้าชีวอนคุยกันเรียบร้อยแล้ว
            “คุณคงไม่พอใจจนคิดจะถอนหมั้นให้ชีวอนหรอกนะ โฮยอนพูดอย่างกังวล หากผู้ชายตรงหน้าเธอกลับยิ้มนิดๆ
            ผมยอมรับว่าผมไม่พอใจที่มีข่าวแบบนั้นออกมา ฮยอกแจได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของชีวอน ถึงจะไม่มีใครรู้ นอกจากพวกเรา แต่ยังไงการมีข่าวกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่สมควร
            ฉันต้องขอโทษแทนฮยอกแจด้วย แต่ฉันรับรองได้ว่าฮยอกแจกับเด็กที่ชื่อชียุนไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันแน่นอนโฮยอนพูดเสียงหนักแน่น
            ผมรู้ ชีวอนเองก็บอกผมแบบนั้น ชเว มินชิกเอ่ยพลางมองท่าทีโล่งอกของคนตรงหน้าอย่างยิ้มๆ
            ถ้าอย่างนั้นเรื่องงานแต่งงานก็คงไม่มีปัญหา?
            มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ คุณโฮยอน จัดงานปุบปับไม่บอกใครแบบนี้ เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ได้นา
มินชิกยังคงมีท่าทีใจเย็น เขาไม่ได้รีบร้อนเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานลูกชายตัวเองเท่าไหร่ เพราะตนเองก็มีข้อสัญญาผูกมัดกับชีวอนเอาไว้อย่างลับๆ
            คุณทำท่าเหมือนไม่อยากให้ชีวอนแต่งงานกับหลานฉัน โฮยอนความรู้สึกไว หญิงชราหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด ซึ่งนั่นก็ทำให้มินชิกหลุดหัวเราะออกมาเสียงนุ่ม ประมุขของคิมโจวยังคงฉลาดหลักแหลมไม่มีเปลี่ยนเลย
            ไม่ใช่แบบนั้นคุณโฮยอน เพียงแต่ผมคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา เด็กสองคนนั่นยังต้องการอิสระอีกมากเพื่อพิสูจน์ตัวเอง อีกอย่างถึงผมอยากจะให้เจ้าชีวอนเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ผมก็อยากให้โอกาสไอ้ลูกชายตัวแสบอีกสักนิด
            ฉันจะพูดแบบตรงๆ ก็แล้วกันนะคุณมินชิก น้ำเสียงของหญิงชราฟังดูเคร่งเครียดระคนกดดันอีกฝ่ายไปในตัว เธอเริ่มมองเห็นความผิดสังเกต ชเว มินชิกคล้ายไม่อยากให้ชีวอนกับฮยอกแจแต่งงานกัน ทั้งๆ ที่เมื่อหลายปีก่อน เขาเองเป็นฝ่ายกระตือรือร้นที่จะให้ทั้งสองตระกูลได้ปรองดองกัน แปลก
            ถ้าคุณยังไม่ลืมเรื่องเมื่อแปดปีก่อน หลานฉันเป็นฝ่ายเสียหาย ถึงเราจะให้พวกเขาหมั้นกันก็จริง แต่ระหว่างนั้นหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาอย่างเช่นชีวอนเกิดไปรักกับใครเข้า แล้วหลานฉันจะทำยังไง ฉันไม่ยอมหรอกนะถ้าหากว่าตระกูลชเวจะทำให้หลานฉันกลายเป็นหม้ายขันหมากน่ะ
            วิธีการพูดแบบกดดันแต่แฝงแววข่มขู่ดูเหมือนจะเป็นนิสัยประจำตัวของคิม โฮยอนไปแล้ว มินชิกถอนหายใจยาว จะแย้งออกไปก็ไม่ได้เพราะฝั่งเขาเป็นฝ่ายก่อเรื่อง หากคัดค้านออกไปก็มีแต่จะถูกหาว่าปัดความรับผิดชอบ อีกอย่างเขาเองก็มีข้อตกลงกับไอ้ลูกชายตัวแสบอยู่เหมือนกัน เกิดรับปากว่าจะจัดงานแต่งงานตามความประสงค์ของคิม โฮยอน มีหวังถูกเจ้าชีวอนอาละวาดบ้านแตกไปสามวันเจ็ดวัน แต่คิดดูอีกทีถ้าขืนยังทำอิดออดรอเวลา ตระกูลคิมคงไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ๆ แม้ชเวกรุ๊ปจะไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่จะต้องกลัว แต่ใครจะกล้าเสี่ยงกับอารมณ์ของคิม โฮยอนกันล่ะ
เฮ้อ จะเลือกทางไหนก็มีแต่เสียกับเสียแฮะ เวรจริงๆ
            ตกลงว่ายังไงคะคุณชเว เราปล่อยเรื่องนี้ไว้นานแล้วนะ โฮยอนกดเสียงต่ำ
            ผมคงต้องขอปรึกษากับชีวอนอีกที มินชิกพยายามหาทางเลี่ยง
            ทำไมต้องปรึกษา ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ชีวอนควรรับผิดชอบมาตั้งนานแล้ว โฮยอนแว้ดขึ้นมาอย่างโมโห หล่อนจะไม่ทนกับอาการของผู้ชายคนนี้แล้วนะ นิสัยคดไปเลี้ยวมาพอกันทั้งพ่อทั้งลูก
            อ่า แต่มันเป็นเรื่องของเด็กสองคนนะครับคุณโฮยอน มินชิกชักปวดหัว ทั้งที่เขาเป็นใหญ่ที่สุดในชเวกรุ๊ป แต่เจอคิม โฮยอนทีไร เขารู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นรองอีกฝ่ายทุกที ให้ตายเถอะ
            ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องของเด็กสองคนก็จริง แต่มันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงตระกูลคิมด้วยเช่นกัน ฉันจะไม่ยอมให้ลูกชายคุณมาทำอย่างนี้กับหลานฉันแน่ๆ
            แต่ว่า...
            ฉันขอบอกเลยว่างานแต่งงานต้องมีขึ้นภายในเดือนนี้ ไม่งั้นล่ะก็ตระกูลชเวกับตระกูลคิม ได้เห็นดีกันแน่!” พูดจบก็สะบัดตูดฟึดฟัดออกไป มินชิกถอนหายใจยาวเป็นครั้งที่สอง หาเรื่องให้กันแท้ๆ เชียว ไอ้ลูกเวร
            ก๊อกๆ
            คุณท่านคะ มีแขกมาขอพบค่ะ
            ใคร? เอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย
            คุณหญิงจีมินค่ะ สาวใช้ตอบ มินชิกนิ่งค้าง เมื่อกี้คุณย่า ตอนนี้คุณยาย เฮ้อ กะแล้วเชียวว่ามันต้องวุ่นวายกว่าที่คิด
            ไปเชิญเข้ามา สั่งจบก็ยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองแรงๆ
            ถึงจะทำให้ปวดประสาททั้งคู่ แต่บางทีคนหลังอาจจะมาเพื่อหาทางออกให้เขาก็ได้ ใครจะรู้

XXXXXXXX

            หลายวันมานี้เหมือนมีอากาศอึมครึมขมุกขมัวปกคลุมบริเวณคฤหาสน์ทั้งสามหลัง ข่าวงานแต่งงานของคุณหนูกลางแพร่กระจายในหมู่คนใช้ โดยเฉพาะสาวๆ คฤหาสน์ตระกูลอีที่พอรู้ข่าวก็พากันพร่ำรำพันว่าสงสารคุณทงเฮอย่างนั้น สงสารคุณทงเฮอย่างนี้ กระทั่งเสียงมันลอยไปเข้าหูคนถูกสงสารเล่นเอาทงเฮถึงงงเต๊ก ทั้งตระหนกตกใจและเป็นกังวลว่ามีคนรู้เรื่องของเขากับคุณเจ้านาย แต่พอสอบถามดีๆ ก็เลยได้รู้ว่าเรื่องวันนั้นเขารู้กันทั้งคฤหาสน์แล้ว เพียงแต่จงรักภักดีไม่เอาไปบอกต่อก็เท่านั้นเอง สรุปอี ทงเฮโดนหลอกให้ใจหายใจคว่ำอยู่คนเดียว
            แต่เรื่องที่รู้ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตั้งแต่วันที่เขาอุ้มคุณเจ้านายไปส่งถึงเตียง (เรียกว่าโยนจะถูกกว่า) ฮยอกแจก็เหมือนจะโกรธมาก ไม่ยอมพูดคุย ไม่ยอมสบตา ทำปั้นปึ่งเล่นสงครามเย็นใส่กันเหมือนเมื่อเรื่องคราวก่อนไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ควรเป็นเขาต่างหากที่ต้องโกรธเพราะถูกปิดบังแถมยังเผลอมีอะไรกับเจ้านายตัวเองตั้งหลายครั้ง (ครั้งละหลายรอบ) ซึ่งถ้ารู้มาก่อนว่าฮยอกแจมีเจ้าของแล้วแบบนี้ ทงเฮจะไม่ยอมหลวมตัวตกลงไปในหลุมกับดักนี่เด็ดขาด
เสียตัวไม่พอยังเจ็บที่ใจอีก ไม่น่าเลย (ลูกทุ่งสัด)
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ ระหว่างที่คนดูแลหนุ่มเดินผ่านเหล่าสาวใช้ลงมายังบริเวณหน้าคฤหาสน์ ตอนนี้เขาว่างเพราะได้รับคำสั่ง (ผ่านสาวใช้) ว่าไม่ต้องตามเจ้านายไปบ้านใหญ่ ทงเฮก็เลยเตร่ไปเตร่มาอย่างคนไม่มีอะไรทำ ไอ้ครั้นจะขัดคำสั่งแล้วตามไปดูแลเจ้านายก็เห็นจะไม่ใช่เรื่อง ฮยอกแจคงไม่คิดทำอะไรร้ายๆ ตอนอยู่ในบ้านตัวเองหรอกมั้ง ทงเฮคิดอย่างนั้น
แต่บางทีทงเฮคงคิดผิด
คุณทงเฮค่ะ คุณทงเฮ!” เสียงฝีเท้าและเสียงร้องเรียกจากสาวใช้สองคนที่วิ่งตรงมาทางเขาทำให้ทงเฮละสายตาจากดอกไม้สีสวยตรงหน้า ชายหนุ่มยกคิ้วสูงกับท่าทางชี้โบ๊ชี้เบ๊ของสองสาวที่ยังอ้าปากหอบแฮ่กๆ อย่างไม่เข้าใจ
คุณ... แฮ่กๆ คะ... คุณหนูค่ะ...
ใจเย็น ไม่ต้องรีบพูดก็ได้ ทงเฮยิ้มขำ แต่สองสาวส่ายหน้า ท่าทางร้อนรนแปลกๆ
เย็นไม่ได้แล้วค่ะ แฮ่ก... คุณหนู... คุณหนูกำลังอาละวาดที่บ้านโน้นค่ะ!” หนึ่งในสองกลั้นใจพูดเสียงเร็วปรื๋อ ทงเฮที่ยังจับใจความไม่ได้ยืนงง หากแต่ยังไม่ได้ทันได้ถามต่อ เสียงคล้ายอะไรแตกที่ดังมาจากคฤหาสน์ตระกูลคิมก็ทำให้ใบหน้าหล่อหันขวับ สมองตีความคำพูดเมื่อครู่ได้ทันที
เพล้ง!
เพล้ง!
เสียงที่ดังมาหลายครั้งติดกันทำให้ทงเฮพุ่งตัวออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งเข้าไปใกล้ หัวใจแกร่งคล้ายจะลุกเป็นไฟ เพราะเสียงอาละวาดของฮยอกแจที่ดังมาเรื่อยๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะนิ่งอึ้งไปกับสภาพเละเทะของห้องนั่งเล่นหรู
นี่มัน...
หยุดเดี๋ยวนี้นะฮยอกแจ!!!” เสียงของหญิงชราที่ทงเฮจำได้ว่าน่าจะเป็นประมุขใหญ่ของตระกูลคิมตวาดขึ้นด้วยความโมโห หากร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ยอมฟังคำสั่ง แจกันราคาแพงที่อยู่ในมือเรียวถูกขว้างลงกับพื้นอย่างแรง
เพล้ง!
อี ฮยอกแจ!!!” คิม โฮยอนตวาดลั่น ความกราดเกรี้ยวฉายชัดทางดวงตา ทงเฮมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตระหนก แม้เขาจะเคยเจออารมณ์ร้ายๆ ของฮยอกแจมามาก แต่นี่มันอยู่เหนือความคาดหมาย ฮยอกแจเหมือนไม่ใช่คนที่เขารู้จัก ดวงตาเรียววาววับเพราะความโกรธจัดและพร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ร่างบางหมุนตัวไปทางรูปภาพราคาหลายร้อยล้านวอน หยิบมันลงมาและ...
ปัง! ปัง!
กรอบรูปไม้เนื้อดีแตกกระจายเพราะถูกฟาดลงกับโต๊ะกระจกที่เริ่มร้าวเพราะแรงกระแทกเช่นกัน รูปภาพสีสวยเองก็ถูกฉีกออกจนไม่มีชิ้นดี
เกิดอะไรขึ้น... ฮีชอลและคยูฮยอนที่เพิ่งมาถึงกับอ้าปากค้าง ทันทีที่เห็นความพินาศเสียหายที่เกิดจากฝีมือของฮยอกแจ
เฮ้ย หนูกลาง!” คยูฮยอนร้องเสียงหลง เมื่อพี่ชายตัวเองหมุนตัวไปหยิบแจกันใบใหญ่และเตรียมเงื้อขว้างไปทางเปียโนราคาแพงที่ตั้งอยู่มุมห้อง ทุกคนในห้องพากันเบิกตากว้าง ก่อนที่ทงเฮที่รวบรวมสติได้ก่อนจะพุ่งเข้าไปจับตัวฮยอกแจไว้
หมับ!
หยุดนะครับบอส!!” ชายหนุ่มร้องห้าม แขนทั้งสองข้างกอดรัดร่างบางจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น คยูฮยอนเองก็รีบเข้าไปยื้อแย่งแจกันออกมา ฮยอกแจโวยวายลั่นพลางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนหนา แต่เพราะใช้แรงไปเยอะมากกับการอาละวาด ร่างบางจึงสู้แรงทงเฮไม่ได้
ปล่อยนะ! ปล่อยผม!”
ไม่ครับ ทงเฮปฏิเสธพร้อมกอดฮยอกแจแน่นเข้าไปอีก
ผมสั่งให้ปล่อย อี ทงเฮ! ปล่อย!” ฮยอกแจกรีดร้องอย่างไม่ยอมแพ้ ทงเฮเม้มปาก ชักโมโหตามด้วยไป
หยุดโวยวายได้แล้ว ฮยอกแจ! ทำอะไรอยู่รู้ตัวบ้างมั้ย!!”
ร่างหนาตะโกนว่าอย่างไม่ไว้หน้า มือใหญ่คลายออกพร้อมกับผลักร่างบางจนเซไปชนคยูฮยอน
นาย... นายกล้าทำแบบนี้เลยเหรอ อี ทงเฮ!” ฮยอกแจจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ทงเฮผลักเขา... ทงเฮกล้าผลักเขา
ผมกล้าทำมากกว่านี้อีก ถ้าคุณยังไม่หยุดทำตัวร้ายกาจแบบนี้!” ทงเฮตวาด เขาเองก็เหลืออดกับการกระทำของเจ้านายแล้วเหมือนกัน มีอย่างที่ไหน โตจนป่านนี้แล้วยังอาละวาดทำร้ายข้าวของทำให้คนอื่นเดือดร้อนกันแบบนี้
ร... ร้ายกาจ? ฮยอกแจทวนคำเสียงแผ่ว ดวงตาเคลือบไปด้วยหยดน้ำตาใส ถูกใครต่อใครนินทาว่าร้ายมาก็มาก แต่ฮยอกแจไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่คำๆ นี้หลุดออกมาจากปากของทงเฮ
เขาร้ายกาจ... ใช่ ฮยอกแจรู้ตัวดี
เขาเอาแต่ใจก็จริง แต่มีใครเคยถามมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะต่อว่าเขา ที่ทำอยู่มันผิด ฮยอกแจรู้ แต่เคยคิดที่จะถามกันหรือเปล่าว่าทำไมฮยอกแจถึงทำ ทำไมฮยอกแจถึงโกรธ ถึงโมโห
ไม่มี... ไม่เคยมี
ทุกคนมองว่าอี ฮยอกแจคนนี้มันเลวร้าย ดีแต่ก่อเรื่องสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจไปวันๆ แต่ไม่เคยมีใครเข้าใจฮยอกแจเลยซักคนเดียว แม้แต่คนที่ใกล้ชิดมากที่สุดก็ยังต่อว่าฮยอกแจได้ลงคอ... น่าสมเพช
อี ฮยอกแจมันน่าสมเพชที่สุดแล้ว
ใช่สิ ผมมันร้ายกาจ... น้ำเสียงสั่นเครือดังราวเสียงกระซิบ หากในห้องที่เงียบสนิทขนาดนั้นกลับทำให้ทุกคนได้ยินทั่วกันพร้อมความรู้สึกใจหาย
ฮยอกแจกัดปากเอาไว้ไม่ให้หลุดเสียงสะอื้นออกมา หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาจากดวงตาคู่สวย ใบหน้าหวานสบตากับทงเฮอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเบือนไปทางประมุขของบ้านที่ยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าตกใจ
ผมมันร้ายกาจ... เป็นคนร้ายกาจ... มิน่า... คุณย่าถึงไม่ต้องการผม
หนูกลางทำไมพูดแบบนั้น!?!” ฮีชอลถามอย่างตระหนก ร่างโปร่งทำท่าจะก้าวเข้าไปหาน้องชาย หากฮยอกแจกลับถอยหนี
ใช่มั้ยครับคุณย่า... ฮึก... ลูกเมียน้อยคนนี้มันทำให้ตระกูลนี้อับอายขายขี้หน้ามากใช่มั้ยครับ คุณย่าถึงไม่รักผม!”
ฮยอกแจ!”
คำพูดที่ทำให้คนฟังอุทานพร้อมกันอย่างคาดไม่ถึง คำต้องห้ามที่คุณพ่อสั่งเด็ดขาดว่าห้ามใครพูดให้ฮยอกแจได้ยิน ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น แต่อยู่ๆ ฮยอกแจกลับพูดออกมาเองแบบนั้น มันเลยทำให้ฮีชอลกับคยูฮยอนตกใจและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
ตอบมาสิครับ! บอกผมมา... คุณย่าไม่รักหลานคนนี้เลยสักนิด... ที่อยากให้แต่งงานก็เพราะไม่อยากให้ใคร... ฮึก... มานินทาว่ามีลูกเมียน้อยคนนี้อยู่ร่วมวงศ์ตระกูลใช่มั้ยล่ะครับ!”
ไม่... ไม่ใช่นะฮยอกแจ โฮยอนที่หายจากอาการตกใจรีบปฏิเสธ
แล้วมันเป็นยังไงล่ะครับ... คุณย่าพูดเองเมื่อกี้... คุณย่าบอกเองว่าอยากลบคำครหาเกี่ยวกับตัวผม... คุณย่ารังเกียจผม เพราะผมมีสายเลือดของคนที่คุณย่าเกลียด... คุณย่าไม่เคยรักผมเลย... ไม่เคยเลย!”
            หยุดพูดแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะฮยอกแจ!”
            ทำไมครับ... ฮึก... ทนฟังคำพูดของหลานกาฝากคนนี้ไม่ได้เหรอครับ?
ฮยอกแจยิ้มขื่น โฮยอนรีบส่ายหน้า ท่าทางเสียใจ
            ฉันแค่อยากให้เธอแต่งงาน ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น...
พอเถอะครับ... คุณย่าเห็นผมเป็นแค่เครื่องมือเอาชนะคุณยายกับคุณแม่เท่านั้น... ถ้าบังคับให้ผมแต่งงานได้... คุณย่าคงจะดีใจมาก... ฮึก... คุณย่าไม่เคยฟังผมเลย... ทำไมล่ะครับ... เพราะผมเป็นลูกคุณแม่... เป็นหลานของคุณยาย... คุณย่าเลยทำกับผมอย่างนี้ใช่มั้ยครับ...
เสียงสะอื้นของฮยอกแจทำให้ประมุขของตระกูลคิมที่เคยแสดงท่าทีเข้มแข็งมาตลอดรู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างที่ฮยอกแจระบายออกมามันทำให้เธอเจ็บปวดไม่แพ้กัน หลานชายของเธอเก็บงำความรู้สึกเหล่านี้ไว้มานานแค่ไหนแล้ว เธอไม่เคยรู้เลย
ฮึก... ผมยอมทนมาตลอด... ยอมให้คุณย่าจับหมั้นกับพี่ชีวอน ทั้งๆ ที่ผม... ฮึก... กับพี่ชีวอนไม่ได้มีอะไรกัน... ยอมไปอยู่กับมาดามตามคำสั่งของคุณย่า... ยอมทุกอย่าง... ทั้งที่รู้ว่าคุณย่าก็แค่อยากเอาชนะคุณยาย... แต่ผมก็ยอม... ผมยอมขนาดนี้แล้วทำไมคุณย่ายังใจร้ายกับผมอยู่อีก... ทำไมครับ...
ร่างบางร้องไห้โฮด้วยความอัดอั้นตันใจ ฮีชอลกับคยูฮยอนยืนนิ่ง สายตาสองคู่เหลียวมองคนเป็นย่าอย่างไม่เชื่อหู พวกเขาเพิ่งรู้ว่าที่ฮยอกแจต้องไปอเมริกาเป็นเพราะคำสั่งของคุณย่า ไม่ใช่เพราะเจ้าตัวหนีไปเองอย่างที่บอกไว้
เรื่องจริงเหรอครับคุณย่า... ที่ฮยอกแจไปเรียนต่อเป็นเพราะคุณย่าจริงๆ ใช่มั้ยครับ? ฮีชอลถาม เขาไม่อยากโกรธคนเป็นย่า แต่เรื่องที่ได้ยินก็ทำให้เขาไม่รู้สึกไม่ได้
คุณย่าให้หนูกลางไปไม่พอ ยังสั่งห้ามไม่ให้พวกเราเจอกันอีก ทำไมคุณย่าทำแบบนี้ล่ะครับ? คุณย่าทำไปเพื่ออะไร? คยูฮยอนมีท่าทีผิดหวัง เขาพอดูออกว่าคุณย่าเองก็รักฮยอกแจไม่น้อยไปกว่าใคร แต่ไม่อยากเชื่อว่าคุณย่าจะปล่อยให้ทิฐิและความเกลียดชังอยู่เหนือทุกอย่างแบบนี้ คงเป็นอย่างที่ฮยอกแจพูด คุณย่าแค่อยากเอาชนะตระกูลอีก็เท่านั้น
ย่า... โฮยอนพูดไม่ออก สีหน้าและท่าทางเหินห่างของหลานอีกสองคนทำให้เธอใจหาย หญิงชราก้าวเข้าไปหาฮีชอล แต่ร่างโปร่งกลับเบี่ยงตัวหนีและเดินเข้าไปโอบฮยอกแจเอาไว้
กลับห้องกันเถอะฮยอกแจ เสียงนุ่มกระซิบบอกเบาๆ แรงสั่นเทาของคนในอ้อมแขนทำให้เขาแทบกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่ไหว ฮยอกแจซุกหน้าลงกับอกพี่ชาย ปล่อยเสียงสะอื้นไห้อย่างไม่อายใคร ร่างบางถูกฮีชอลพาออกจากห้องนั่งเล่น ไม่แม้แต่จะปรายตามองทงเฮหรือคนเป็นย่าเลยซักนิด
คยูฮยอนมองร่างของหญิงชราที่กำลังสั่นไหวน้อยๆ ความผิดหวังและเสียใจผลักดันให้เขาเอ่ยคำพูดตัดรอนคนเป็นย่าออกไป
ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณย่าทำอะไรหนูกลางอีกแล้ว ในเมื่อคุณย่าปล่อยให้ความเกลียดชังมีมากกว่าความรัก คิดเพียงการแก้แค้นและเอาชนะ คุณย่าก็สมควรที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
คยูฮยอน โฮยอนครางแผ่วในลำคอ เธอไม่เคยคิดว่าหลานชายคนเล็กจะกล้าพูดแบบนี้กับเธอ คำพูดที่เหมือนกับไม่ไยดีและตัดขาดจากเธอทุกอย่าง
คยูฮยอนออกไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงหญิงชราและเพื่อนรักที่ต่างจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ทงเฮเสยผมตัวเองแรงๆ แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขา แต่ทงเฮก็มีส่วนที่ทำให้ฮยอกแจเสียใจ ถ้าเขาไม่พูดจาแบบนั้น... ถ้าเขายอมฟังฮยอกแจก่อน...
บ้าชิบ!” ชายหนุ่มกัดฟันสบถเบาๆ ก่อนจะผลุนผลันตามคยูฮยอนออกไป เขาได้ยินทุกประโยคที่ฮยอกแจเอ่ยออกมา ร่างบางบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับชีวอน แล้วที่ไอ้คยูบอกเขาล่ะ มันหมายความว่ายังไง?
ไอ้คยู... ทงเฮสาวเท้าตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่หยุดอยู่ตรงเชิงบันไดในคฤหาสน์ตระกูลอี มือใหญ่กระชากแขนร่างสูงให้หันมา ก่อนจะเห็นว่าฮีชอลก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย สีหน้าเคร่งเครียดของฮีชอลเป็นสิ่งแรกที่ทงเฮสังเกตเห็น คำถามที่ตั้งใจจะถามเพื่อนถูกเก็บเอาไว้ทันที
มีอะไรกันเหรอครับ? ทงเฮถาม เขาไม่เห็นฮยอกแจ เจ้านายของเขาล่ะ?
แล้วบอสล่ะครับ พี่ฮีชอล เมื่อไม่มีใครตอบคำถามแรก ทงเฮจึงถามต่อ ฮีชอลถอนหายใจ ท่าทีของคนอายุมากกว่าทำให้ทงเฮรู้สึกใจไม่ดีแปลกๆ
ฮยอกแจอยู่บนห้อง ร่างโปร่งตอบ ทงเฮพยักหน้ารับรู้ แต่สีหน้าท่าทางของเพื่อนและพี่ชายเพื่อนที่ยังไม่ดีขึ้นก็ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง
แล้วตกลงมีอะไรกันเหรอครับ ทำไมพี่ฮีชอลทำหน้าไม่ดีเลย มึงก็เหมือนกันไอ้คยู
ทงเฮขมวดคิ้ว สังหรณ์ใจยังไงชอบกล ฮีชอลกับคยูฮยอนเหลือบมองหน้ากันด้วยความกังวล ก่อนที่คยูฮยอนจะหันมาทางเพื่อนสนิท ดวงตาคมฉายแววจริงจังปนหนักใจ ยามเอ่ยคำพูดที่ทำให้ทงเฮรู้สึกวูบโหวงในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน





หนูกลางจะกลับอเมริกา





วะ... ว่าไงนะ... เหมือนจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ ร่างทั้งร่างนิ่งค้างไป ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนกับว่าทงเฮทำหัวใจหายไปทั้งดวง
กลับอเมริกา...
ทำไม...
หรือเพราะโกรธเขา... เพราะเขาใช่มั้ย...
ไม่มีใครพูดอะไรอีก ฮีชอลขอตัวไปจัดการธุระที่คฤหาสน์ตระกูลคิมต่อ ฝ่ายคยูฮยอนเองก็ได้แต่ตบบ่าเขาเหมือนให้กำลังใจ ทงเฮเงยหน้ามองใบหน้าของเพื่อนที่กดยิ้มมุมปากนิดๆ
วันนั้นกูเล่าให้มึงฟังไม่หมด เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ ทงเฮเงียบ มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น เขารู้ว่าเรื่องที่คยูฮยอนจะพูดนั้นหมายถึงเรื่องไหน แต่ถึงจะรู้ ปากก็ยังเอ่ยถามออกไป
เรื่องไหน?
เรื่องของหนูกลางกับชเว ชีวอน คยูฮยอนพูด ที่กูบอกมึงว่าไอ้พี่ชีวอนนอนกอดกับหนูกลาง ความจริงแล้ว...
...

...มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่มึงบอกว่าเขาสองคนมีอะไรกัน!”
ทงเฮขบกรามแน่น เขากำลังพยายามระงับตัวเองไม่ให้โมโหใส่เพื่อนมากไปกว่านี้ ร่างหนาสะบัดตัวเองออกจากมือของคยูฮยอนที่ยังวางอยู่บนบ่าและหันหลังกลับเพื่อขึ้นไปด้านบน หากเสียงของคยูฮยอนก็หยุดเขาไว้อีกหน
มึงคิดไปเอง กูไม่ได้บอกว่าพี่กูกับชเว ชีวอนมีอะไรกัน ที่กูบอกคือเขาสองคนนอนเปลือยกอดกัน... หึ มึงก็เหมือนพวกกู เห็นแค่นั้นก็พากันเข้าใจผิดหนูกลางไปซะหมด... ก็ไม่แปลกที่หนูกลางอยากจะไปเพราะไม่มีใครเลยที่จะเชื่อใจและเข้าใจหนูกลางจริงๆ
น้ำเสียงนุ่มฟังดูหดหู่ คยูฮยอนยิ้มเศร้า เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเข้าใจฮยอกแจผิด ถึงแม้ทุกวันนี้เขาจะรู้ความจริงแล้ว แต่ความรู้สึกครั้งนั้นก็ยังทำให้คยูฮยอนรู้สึกผิดมากจนต้องคอยก่นด่าตัวเองอยู่เสมอ
ทงเฮนิ่งงัน เขายืนมองคยูฮยอนเดินจากไป ก่อนจะเดินขึ้นไปหยุดอยู่หน้าห้องนอนของฮยอกแจด้วยความรู้สึกหน่วงในอก มือหนายกขึ้นทาบบานประตูไม้ พิงหน้าผากลงไปเบาๆ เสียงสะอื้นที่ดังลอดออกมาให้ได้ยินยิ่งทำให้ทงเฮเจ็บร้าวไปทั้งใจ


ผมกล้าทำมากกว่านี้อีก ถ้าคุณยังไม่หยุดทำตัวร้ายกาจแบบนี้!


ขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องพี่ชีวอน


เรื่องของไอ้พี่ชีวอนกับหนูกลาง... มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ฮยอกแจจะกลับอเมริกา

ฮยอกแจจะกลับอเมริกา

ฮยอกแจจะกลับอเมริกา



ผมขอโทษครับบอส... ผมขอโทษ...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น