หลังศึกปะทะฝีปากของสองอ้วนผอมจบลง ทั้งฮยอกแจและซองมินก็มานั่งทำหน้าง้ำหน้างออยู่ในห้องทำงานของฮีชอล โดนตักเตือนดุด่าสลับกับการถูกคนอายุน้อยกว่าแอบแลบลิ้นปลิ้นตายั่วโมโหอยู่พักใหญ่ สุดท้ายซองมินก็โดนปราบลงโดยฝีมือของฮันเกิงผู้เป็นพี่ชาย เป็นผลให้ฮยอกแจยืดตัวกอดอกเยาะเย้ยอีกฝ่ายด้วยความสะใจอยู่หลายนาที ท่ามกลางสายตาอ่อนอกอ่อนใจของคนดูแลหนุ่มอย่างทงเฮยิ่งนักที่ไม่สามารถห้ามปรามนิสัยเด็กๆ ของเจ้านายตัวเองได้
“ตอนนี้เรื่องของไอ้อันธพาลสองคนถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่ไอ้ตัวการอย่างยูน ชียุนที่ยังไม่ยอมโผล่หัวออกมารับผิด” ฮีชอลพูดขึ้นพลางปรายตามองไปทางฮยอกแจและทงเฮที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้านาย
“พี่ได้ติดต่อไปหาผู้ใหญ่ของทางฝั่งนั้นแล้ว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา เพราะไม่มีใครรู้ว่าชียุนอยู่ที่ไหน”
“หรือมันจะหนีออกนอกประเทศไปแล้ว?” คยูฮยอนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น หากฮีชอลกลับสั่นศีรษะและหันไปทางฮันเกิงที่เหลียวมองเขาเช่นกัน
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ คนของผมคอยเฝ้าระวังทุกเส้นทางเข้าออกของเกาหลีไว้หมดแล้ว ต่อให้หนีไปจริงก็ไม่มีทางออกนอกประเทศไปได้” มาเฟียแผ่นดินใหญ่เอ่ยและไม่วายตบท้ายด้วยรอยยิ้มหล่อแบบที่ทำให้ฮีชอลต้องรีบเบือนแก้มแดงๆ ไปทางอื่นโดยเร็ว
คยูฮยอนถลึงตามองคนที่เล่นส่งสายตาจีบพี่ชายเขาอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่นๆ ในห้องด้วยความไม่พอใจ
“ได้ข่าวว่ามันไม่เกี่ยวกับคุณฮันเกิงเลยซักนิดนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจของอีกคน
“คยูฮยอนอย่าเสียมารยาท” ฮีชอลปรามเสียงหนัก คยูฮยอนชักสีหน้า ดวงตาคมเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่พี่ชายเหมือนจะเข้าข้างคนอื่นมากกว่าตัวเขา
“หรือไม่จริง หมอนี่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวเราไม่ทราบ เป็นแค่หุ้นส่วนธุรกิจไม่ใช่หรือไง?” ร่างสูงถามเสียงห้วน ฮีชอลตวัดสายตามองน้องชายด้วยความโมโห แต่ก่อนที่ร่างโปร่งจะทันได้เปิดปากปะทะอารมณ์กับคยูฮยอน ฮยอกแจที่นั่งมองอยู่ก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“หุ้นส่วนคนใหม่ของคิมโจวกรุ๊ปคือคุณฮันเกิงเองเหรอครับ? อ่า แย่จัง นี่ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนั้นผมไม่ได้เข้าไปทักทายคุณฮันเกิง พอดีว่าผมก่อเรื่องยุ่งๆ ในงานนิดหน่อยน่ะครับ ฮ่ะๆ” ร่างบางพูดเสียงกลั้วหัวเราะ หากนัยน์ตาเรียวกลับลอบมองชายหนุ่มที่อยู่โซฟาตรงข้ามอย่างพินิจพิจารณา ยอมรับเลยล่ะว่ามาเฟียหนุ่มหน้าตาดีมากแถมยังเป็นคนที่มีรัศมีของความมีอำนาจและน่าเกรงขามแผ่ออกมาจากตัวอยู่ตลอด แต่ว่าคนแบบนี้เนี่ยเหรอที่มาตกหลุมรักพี่ฮีชอลของเขา สงสัยจะชอบอะไรที่ได้มายากๆ แฮะ งั้นอย่างนี้พี่ซีวอนก็มีคู่แข่งแล้วน่ะสิ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็ได้ยินชื่อของคุณฮยอกแจมานาน ทายาทคนเดียวของอีคอร์เปอเรชั่น เพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริงวันนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” มาเฟียใหญ่ส่งยิ้มผูกมิตรและยื่นมือมาจับมือร่างบางอย่างไม่ถือตัว ฮยอกแจยิ้มหวาน สมองครุ่นคิดทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่อุ้งมือบางจะออกแรงบีบกระชับเบาๆ ขณะค่อยๆ ปล่อยมืออีกฝ่ายออกช้าๆ โดยที่ดวงตาคู่สวยก็ทอดมองชายหนุ่มอย่างมีความหมาย ซึ่งฮันเกิงก็เพียงแต่ยิ้มรับอย่างรู้เท่าทัน
“อะแฮ่มๆๆ แค่กๆๆๆ ข่ากกกกกกกกกก... ถู้ยยย!!!”
เสียงไอสลับกับเสียงสำลักน้ำลายของทงเฮและคยูฮยอนดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ฮยอกแจเลิกคิ้วสูง มือข้างที่เพิ่งยื่นไปผูกสัมพันธไมตรีกับมิตรใหม่ถูกคยูฮยอนดึงไปเช็ดๆๆ อย่างไม่ไว้หน้าใครอีกคน ขณะที่คนข้างหลังเขาก็แสร้งทำเป็นเจ็บคอไม่สบายอาการหน้ามืดคล้ายวิงเวียนกะทันหันจนฮยอกแจต้องรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าทงเฮ?”
“…” ไม่ตอบ งอน คิดว่าเขาไม่เห็นล่ะสิ ไอ้ที่ตั้งกระทะเปิดแก๊สราดน้ำมันแล้วทอดสะพานให้ชายอื่นตำตาเขาน่ะ!
“ปวดหัวหรือว่าเจ็บตรงไหนอีก?” เมื่ออีกคนไม่ตอบ ร่างบางก็รัวคำถามหน้าตาตื่นตระหนกพลางเปลี่ยนอิริยาบถเป็นคุกเข่าอยู่บนโซฟาหันหน้าไปทางร่างหนาพร้อมฝ่ามือเล็กที่วางทาบบนหน้าผาก แก้ม ซอกคอของทงเฮเพื่อเช็คอุณหภูมิ โดยลืมไปว่าตอนนี้เขาสองคนไม่ได้อยู่กันตามลำพัง แต่ยังมีสมาชิกครอบครัวและแขกที่มาเยี่ยมเยียนมองอยู่ถึง 4 คน
โถ หนูกลางทำอะไรไม่คิดถึงจิตใจคยูฮยอนอีกแล้วนะ T^T
“อะแฮ่มๆ” คราวนี้เสียงกระแอมดังมาจากทางคนที่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ ฮีชอลหรี่ตามองความสนิทสนมผิดปกติของน้องชายคนโปรดกับคนดูแลด้วยความสงสัย และด้วยแรงสะกิดของคยูฮยอนคนดีรวมไปถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาจากพี่ชาย ฮยอกแจเลยจำต้องถอยกายออกมาและนั่งลงทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิม
“ทงเฮปวดหัวเหรอ?”
คำถามที่มาพร้อมกับสายตาจับผิดทำเอาทงเฮถึงกับหน้าเจื่อนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาลืมไปว่าพี่ฮีชอลก็อยู่ในห้องนี้ด้วยเหมือนกัน นี่ดันเผลอแสดงอาการหวงน้องชายเขาไปเต็มที่เลย ความจะแตกมั้ยเนี่ย!? โธ่~
“ก็... ครับ ยังปวดตุบๆ ตรงท้ายทอยอยู่นิดหน่อย” ร่างหนาบอกพลางยกมือขึ้นลูบตรงบริเวณที่ถูกฟาดเบาๆ แอบเห็นนะว่าคุณเจ้านายตัวแสบเหลียวกลับมามองน่ะ แหม อย่าทำหน้าตาเป็นห่วงเป็นใยรักกันออกสื่อแบบนั้น เดี๋ยวความแตกว่ากระผมรวบหัวรวบหางกินนางฟ้าของตระกูลไปแล้วล่ะก็ ชีวิตอี ทงเฮจบเห่ จะไม่ได้อยู่ให้ย่ำยีอีกต่อไปนะครับคุณบอส
“ความจริงควรจะพักผ่อนอยู่บนห้อง ไม่น่าลงมาด้วยเลย” คนที่ทรงประกาศิตที่สุดในบ้านบ่น ฮยอกแจกลอกตายู่ปาก ขืนปล่อยให้นอนอยู่คนเดียว เดี๋ยวพวกสาวใช้หุ่นอรชรอ้อนแอ้นทั้งหลายก็พากันเข้าไปรุมทงเฮในห้องหมดน่ะสิ หมอนี่ยิ่งเป็นขวัญใจ (สาวๆ) ประชาชนอยู่ด้วย เพราะงั้นไม่เอาหรอก คนของเขา เขาหวง!
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็อยากจะทราบเรื่องทั้งหมดเหมือนกัน เผื่อจะช่วยอะไรได้” คนดูแลหนุ่มกล่าวพลางระบายรอยยิ้มถ่อมตนแบบที่ฮีชอลพึงพอใจนักหนาออกมา สีหน้าท่าทางที่ดูเจียมตัวเป็นปกติดีทำให้คนที่เพิ่งตั้งแง่หวาดระแวงหยุดความคิดนั้นและพยักหน้ารับ ความไว้วางใจกลับคืนมาเหมือนเดิม
“งั้นพี่จะรีบพูดแล้วกัน ทงเฮจะได้กลับไปพักผ่อน” เอ่ยจบก็เปลี่ยนสายตามาที่ฮยอกแจอีกครั้ง
“ตอนนี้ตำรวจยังหาตัวยูน ชียุนไม่เจอ และพี่เองก็ขี้เกียจรอ พี่เลยจะถามหนูกลางว่าจะเอายังไง อยากจะจัดการเองหรือเปล่า?” เอ่ยถามความเห็นน้องชายที่ทำตาวาวทันทีที่เขาถามจบ แม้จะแปลกใจที่พี่ชายให้สิทธิ์เขาตัดสินใจ แต่ใบหน้าหวานกลับพรายยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ครับ ผมเองก็จะขอพี่ฮีชอลทำแบบนั้นอยู่พอดี เพราะถ้ารอให้ตำรวจจัดการ ยังไงหมอนั่นก็ต้องรอดไปได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ฝั่งนั้นอยู่แล้ว” ฮยอกแจพูด ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วหนูกลางจะจัดการยูน ชียุนยังไง” คยูฮยอนถาม ฮยอกแจยิ้ม
“พี่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ อีกอย่างก็แค่อยากจะดัดนิสัยหมอนั่นนิดหน่อย เอาเป็นว่าพี่ฮีชอลช่วยจัดการเรื่องตำรวจกับนักข่าวให้ทีนะครับ ส่วนเรื่องตามตัวชียุน เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“แล้วหนูกลางรู้เหรอว่าจะตามหาไอ้บ้านั่นได้ที่ไหน”
ฮีชอลขมวดคิ้ว เขาเองก็ได้ให้คนออกตามหาตัวยูน ชียุนอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่เจอและคิดว่าคงไม่เจอง่ายๆ เพราะเส้นสายหมอนั่นก็คงมีไม่ใช่น้อยๆ แต่ฮยอกแจกลับพูดคล้ายมั่นใจว่าจะจับตัวชียุนได้สบาย มันเลยทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าน้องชายตัวเองจะใช้วิธีไหนล่อไอ้หมอนั่นออกมาจากรู
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ เรื่องจัดการยูน ชียุนน่ะ ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก”
ร่างบางหัวเราะคิกคัก สนุกกับแผนการที่วางไว้ในหัวสมอง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ายูน ชียุนน่ะคลั่งเขายิ่งกว่าอะไรดี เรื่องที่จัดการไปวันนั้นมันไม่ได้ทำให้ไอ้หมอนี่เข็ดหลาบได้หรอก มีแต่จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้ชียุนกระหายอยากในตัวเขามากขึ้นด้วยซ้ำ
ดีล่ะ ในเมื่อชอบเล่นกับไฟนัก งั้นฮยอกแจจะจัดให้ชุดใหญ่ เอาแบบที่จะต้องจดจำกันไปจนวันตายเลยล่ะ
“หูย นางฟ้ากลายร่างอีกละ กูล่ะเซ็ง” คยูฮยอนบ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ ตาเหลือบแลไปทางพี่ชายคนรองที่มีสีหน้าท่าทางหมายมาด ก่อนจะหันไปทางฮีชอลที่แววตาไม่ต่างจากน้องชายเท่าไหร่
“เอาล่ะ งั้นไม่มีอะไรแล้ว พี่ขอปรึกษาเรื่องงานกับคุณฮันเกิงต่ออีกซักหน่อย” ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน และนั่นก็ทำให้ทุกคนต้องลุกตามอย่างช่วยไม่ได้ หากขณะที่ร่างบางกำลังจะก้าวออกจากห้อง เสียงเรียกด้านหลังพร้อมกับมือที่เอื้อมจับแขนเอาไว้ก็ทำให้ใบหน้าหวานต้องหันกลับมาทางต้นเสียง
“ฮยอกแจ”
“ครับ
ฮีชอลมองหน้าน้องชายที่ตัวเองรักมากด้วยความคิดถึง แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วงทำให้ฮยอกแจรู้สึกตื้อในอก
“เรื่องวันนั้นพี่ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไมครับ พี่ฮีชอลไม่ผิดซักหน่อย ผมต่างหากที่เป็นคนผิด” ฮยอกแจส่ายหน้า เรียวปากอิ่มแย้มยิ้มบาง ขณะโผเข้ากอดพี่ชายแนบแน่น
“ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วงแล้วก็ขอโทษที่ผมทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย” เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ยามซุกหน้าตัวเองลงกับไหล่พี่ ฮีชอลยิ้ม แขนทั้งสองข้างกอดรัดตัวฮยอกแจแน่น จมูกโด่งกดลงบนกลุ่มผมนุ่ม ทั้งรักทั้งห่วงน้องชายคนนี้มากกว่าใคร แม้ว่าบางครั้งฮยอกแจจะดื้อรั้นไปหน่อย แต่ฮีชอลรู้ น้องแค่อยากเรียกร้องความสนใจจากเขา
ฮยอกแจเหมือนเด็กที่ได้รับความอบอุ่นไม่เพียงพอ การโดนผลักไสจากครอบครัวใหญ่และการเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยมันทำให้นางฟ้าตัวน้อยๆ ที่เคยน่ารักน่าเอ็นดูกลายเป็นคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างด้วยการก่อเรื่องวุ่นวายแบบไม่เว้นแต่ละวัน เหมือนเด็กน้อยที่อยากให้ผู้ใหญ่สนใจแค่ตัวเอง รักแค่ตัวเอง เพียงแต่แสดงออกผิดวิธีก็เท่านั้น
มือเรียวที่ค่อยๆ ลูบแผ่นหลังบางอย่างช้าๆ และอ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ชายทำให้ความรู้สึกที่เคยหนักหน่วงอยู่ในใจของฮยอกแจบรรเทาเบาบางลงจนเลือนหายไปในที่สุด ร่างบางกระชับอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนจะผละออกมาพร้อมหันไปดึงคยูฮยอนที่ยืนกอดอกมองอยู่เข้ามาใกล้
“พี่ฮีชอลกับคยูฮยอนดีกันนะครับ” บอกพลางมองน้องชายที่หันหน้าไปทางอื่นอย่างงอนๆ ฮีชอลลอบยิ้มกับฮยอกแจ ก่อนจะจับมืออีกข้างของคยูฮยอนไว้
“หนูเล็ก พี่ขอโทษนะ” เอ่ยพร้อมเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้าง การออดอ้อนของพี่ชายคนโตที่นานๆ ทีจะได้เห็นทำเอาคยูฮยอนอยากจะกรีดร้องให้ขาดใจ
ทำไมหนูใหญ่กับหนูกลางแกล้งกันงี้อ่ะ!
โมเอร้มาก คยูฮยอนจะไม่ทน! TvT
ร่างสูงทำปากยื่น ก้มมองพี่ชายทั้งสองของตัวเองที่เข้ามากอดเขาไว้แล้วก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ เจอลูกอ้อนจากนางฟ้ากับราชินีคูณสองเข้าไปแบบนี้ ใครไม่ใจอ่อน ให้มันรู้ไปสิวะ!
“ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับหนูใหญ่ หนูกลาง” คำสารภาพเสียงเบาจากน้องชายคนเล็กทำเอาพี่ชายทั้งสองกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ มือเรียวยกขึ้นหยิกแก้มคยูฮยอนคนละข้างด้วยความหมั่นเขี้ยว
“โอ๊ย มันเจ็บนะ!”
“ขี้หวง!” ว่าจบ สามคนก็หัวเราะพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาของทงเฮและฮันเกิงที่มองอยู่ แม้จะเป็นเพียงคนนอก แต่พวกเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรักและความผูกพันอันแน่นแฟ้นของพี่น้องสามคนนี้ได้เป็นอย่างดี
จะมีก็แต่เพียงเด็กน้อยอย่างอี ซองมินเท่านั้นแหละที่ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรซักเท่าไหร่
ทำไมคยูฮยอนต้องกอดฮยอกแจฮยองด้วยอ่ะ ฮยอกแจฮยองนิสัยไม่ดี ซองมินไม่ปลื้ม ซองมินจะโป้งคยูฮยอน งื้อออ~ T^T
XXXXXXXX
ร่างสูงที่ใครต่อใครกำลังตามหานอนเหยียดกายอยู่บนโซฟานุ่มราคาแพง
ใบหน้าหล่อแฝงแววเคร่งเครียดแหงนขึ้นปล่อยควันสีเทาลอยคละคลุ้งโขมงเต็มห้องสูทสุดหรู
คิ้วหนาพันกันยุ่งเหยิงไปหมด เมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตน
ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าไอ้สองตัวนั่นจะทำงานพลาด
แค่ให้ไปฉุดฮยอกแจ แต่มันกลับไปทำร้ายไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้
แถมพอโดนจับก็ดันซัดทอดมาให้เขาง่ายๆ
เจ็บใจชะมัด
รู้งี้ไม่น่าเลือกเอาไอ้พวกสวะปลายแถวมาทำงานนี้เสียก็ดีหรอก แม่ง ในเมื่อทำกูเดือดร้อนไปด้วย
ตอนนี้ก็กินข้าวแดงในคุกไปก็แล้วกันพวกมึง
สบถหยาบกับตัวเองเบาๆ
ก่อนจะขยี้ปลายบุหรี่ลงบนโต๊ะกระจกใส มือใหญ่เอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ลงทุนเปลี่ยนซิมการ์ดอันใหม่แทนอันเก่าที่จำต้องทิ้งเพราะกลัวจะถูกใช้เป็นเบาะแสในการตามหาตัวเขา
กดเบอร์โทรที่จำได้ขึ้นใจและเลื่อนนิ้วไปยังปุ่มโทรออก เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่เพียงครู่
ก่อนที่เสียงคุ้นหูจะดังลอดออกมา
[ยูน ชียุน! ป๊าบอกไม่ให้โทรมาไง
เดี๋ยวพวกตระกูลคิมกับพวกตำรวจก็รู้หรอกว่าลื้ออยู่ไหน!]
“ผมก็ไม่ได้อยากจะโทรไปนักหรอก แต่ที่โทรน่ะก็แค่อยากจะรู้ว่าผมจะได้ออกไปจากห้องขังของป๊าเมื่อไหร่ต่างหาก” ชายหนุ่มพูดเสียงเนือยๆ ทั้งเบื่อ
ทั้งเซ็งที่ต้องถูกกักไว้แต่ในคอนโดของบิดา
จะออกไปไหนก็ไม่ได้เพราะป๊าดันส่งบอดี้การ์ดร่างยักษ์มาเฝ้าหน้าห้องไว้กันเขาหนี
ไม่รู้ว่าจะกลัวพวกตระกูลคิมทำไมนักหนา ถึงจะเก่งถึงขั้นสืบรู้ว่าเป็นฝีมือเขา
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะเส้นสายตำรวจครึ่งหนึ่งเป็นของป๊าเขา
แล้วไหนจะยังพวกสื่อทั้งหลายที่ล้วนอยู่ในอำนาจของตระกูลเขาทั้งสิ้น
เฮอะ
ไร้น้ำยาขนาดนี้แล้วยังจะมีหน้ามาข่มขู่เขา เรามันมวยคนละรุ่นแล้ว อี ฮยอกแจ
[ตอนนี้ยังไม่ได้ พวกคนของคิม ฮีชอลยั้วเยี้ยเต็มไปหมด
พวกมันให้คนตามประกบคนของเราแทบทุกคนเลย ลื้อรู้บ้างไหม... ไอ้หยา
ถ้าพวกนั้นยังหาตัวแกไม่พบแล้วโมโหขึ้นมา บ้านเราต้องตายกันหมดแน่ๆ ซี้ๆ]
“เพ้อเจ้อน่าป๊า พวกนั้นจะแน่ซักแค่ไหนกันเชียว คิดดูนะป๊า ถ้าพวกมันแน่จริง
ป่านนี้พวกมันก็ต้องตามหาตัวผมเจอแล้วน่ะสิ แต่นี่อะไร
นอกจากจะหาผมไม่เจอแล้วยังพึ่งบารมีตำรวจอีก น่าสมเพชชิบเป๋ง” ชียุนแค่นหัวเราะอย่างดูถูก
[ย๊า! หุบปากลื้อไปเลย ลื้อน่ะมันไม่รู้อะไรหรอก
ตระกูลคิมไม่ใช่คนที่เราจะล้อเล่นได้ง่ายๆ นะ ลื้อยังอ่อนประสบการณ์นัก ชียุน...
คนพวกนั้นน่ะก็แค่ใช้ตำรวจหลอกให้เราตายใจ ดีแค่ไหนแล้วที่อั๊วซ่อนลื้อไว้ก่อนที่พวกมันจะหาเจอน่ะ
ถึงจะผ่านไปแค่วันเดียว แต่เราก็จะประมาทไม่ได้นะ รู้หรือเปล่า] ผู้นำตระกูลยุนเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ชียุนเบะปาก
ไม่เชื่อคำพูดของบิดาเลยซักนิด ยังไงเขาก็มั่นใจว่าอี
ฮยอกแจไม่มีปัญญาทำอะไรเขาได้เป็นครั้งที่สองแน่นอน
“โอเคๆ จะทำอะไรก็แล้วแต่ป๊าเหอะ ผมยอมอยู่ที่นี่ต่ออีกนิดก็ได้
แต่ว่าขออะไรอย่างได้มั้ยอ่ะ”
[อะไร? ป๊าไม่ส่งอะไรไปให้ลื้อหรอกนะ บอกไว้ก่อน ผู้หญิงผู้ชายอะไรก็ไม่ส่ง]
คนเป็นพ่อพูดดักเล่นเอาคนฟังนิ่วหน้าไม่พอใจทันที
“นั่นแหละที่ผมอยากได้ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ซักคน ตอนนี้เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
[ไม่ๆ ถ้าเบื่อนักก็ดูโทรทัศน์เอา โน๊ตบุ๊กก็มี ลื้ออย่าทำตัวมีปัญหา
แค่นี้ป๊าก็ปวดหัวกับลื้อจะตายอยู่แล้ว]
“โหย ป๊า!”
[แค่นี้นะ เดี๋ยวโดนจับได้]
“เดี๋ยวก่อนสิป๊า! ป๊า...”
สายที่ถูกตัดไปทำเอาชียุนหัวเสียไม่น้อย
ชายหนุ่มเขวี้ยงโทรศัพท์เครื่องหรูใส่ผนังห้องจนมันแตกกระจาย
ก่อนจะฟาดหัวฟาดหางด้วยความหงุดหงิด พลันหางตาเหลือบไปเห็นรูปถ่ายหลายใบที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
มือใหญ่จึงหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับถอนหายใจแรงระบายอารมณ์ฉุนเฉียว
“อี ฮยอกแจ หึ”
แค่นเสียงพลางไล่สายตามองรูปแต่ละรูปด้วยความรู้สึกที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป
เรือนร่างบอบบางขาวผ่องในชุดรัดรูปแบบเซ็กซี่ที่เขาเคยจ้างปาปาราซซี่แอบถ่ายเอาไว้ยามอยู่ในผับยังคงยั่วใจยั่วอารมณ์ได้ดียิ่งนัก
แผ่นท้องแบนราบแต่น่าสัมผัส สะโพกกลมกลึงภายใต้กางเกงฟิตเปรี๊ยะ
ยอดอกเล็กที่ดุนดันผ่านเนื้อผ้าออกมาให้ได้ยล
“อืมม...” เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากลำคอหนา
ชียุนสูดลมหายใจลึก ดวงตาจับจ้องภาพถ่ายเพียงครู่
จดจำทุกสัดส่วนของฮยอกแจไว้อย่างแม่นยำ
ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังปฏิบัติกิจกามให้ตัวเองอย่างตั้งใจ
แม้จะยังโกรธแค้นฮยอกแจซักแค่ไหน
แต่ชียุนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์คราวนั้นมันทำให้เขาหลงฮยอกแจมากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่า
แถมยังหลงมากเสียจนต้องให้ลูกน้องไปดักฉุดมา
โดยหวังจะครอบครองคนสวยป้อนลีลารักให้เจ้าตัวติดใจจนไม่อยากผละจากเขาไปไหน
แต่เพราะทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด
เขาเลยต้องมานั่งแกร่วอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้ หนำซ้ำยังไม่มีตัวช่วยระบายอารมณ์
นอกจากมือและจินตนาการของตัวเอง บัดซบที่สุด!
รอเรื่องคราวนี้สงบลงเมื่อไหร่
ชียุนไม่ปล่อยให้ฮยอกแจรอดเงื้อมมือไปได้เป็นครั้งที่สองแน่ๆ
“ซี้ด... อา...” ครวญครางเสียงแผ่วพลางเร่งขยับข้อมือให้เร็วขึ้น
กระทั่งสิ้นสุดห้วงอารมณ์ ร่างสูงกระตุกกายปลดปล่อยหยาดน้ำขาวหนืดออกมาเต็มฝ่ามือ
เสียงลมหายใจหอบสะท้อนก้องในห้องกว้าง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้รูปถ่ายของฮยอกแจช่วยตัวเองแล้วเสร็จเร็วขนาดนี้และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกโหยหาถึงร่างกายนุ่มนิ่มที่เคยเห็นมาเมื่อครั้งก่อน
อี
ฮยอกแจทำให้เขาคลั่งจริงๆ ให้ตาย!
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูที่จู่ๆ
ก็ดังขึ้นทำให้ชียุนสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มเอื้อมหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบเลอะจนหมด
ก่อนจะขมวดคิ้ว เมื่อเสียงเคาะนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“เคาะเหี้ยอะไรนักหนา จะเข้ามาก็เข้ามาสิวะ!” ตะโกนบอกออกไปด้วยคิดว่าคงเป็นบอดี้การ์ดที่พ่อจ้างให้มาเฝ้าตัวเองเช่นทุกครั้ง
แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีใครเปิดเข้ามาซักที
จนในที่สุดชายหนุ่มก็จำต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
ก๊อก...
ปัง!
“เคาะหา... แกเป็นใคร!?” น้ำเสียงห้าวขาดหายไปและถูกแทนที่ด้วยคำถาม
ใบหน้าหล่อเหลาชะโงกมองซ้ายขวาเพื่อหาสองบอดี้การ์ดของตัวเอง แต่ก็ไม่เจอใคร
นอกจากคนแปลกหน้าสามคนที่ยืนรออยู่ กำลังจะอ้าปากถามอีกครั้ง
แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของผู้ชายร่างยักษ์สองคนด้านหลังชัดๆ
ชียุนก็ถึงกับอ้าปากค้าง หน้าซีดตัวสั่นด้วยความหวาดผวา
“พะ... พวกแก...”
เขาจำได้
เขาจำไอ้สองคนนี่ได้...
“เฮ้ย!!”
ปึ่ก
ร่างสูงรีบงับประตูปิดอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าคนตัวโตด้านหลังที่ยื่นมือมาดันเอาไว้
ไม่ยอมให้ปิดได้ง่ายๆ เล่นเอาชียุนถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก ทำอะไรไม่ถูก
“จับตัวไว้ก่อน”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าสุดออกคำสั่ง ก่อนที่ผู้ชายตัวโตสองคนจะปรี่เข้ามาจับแขนเขาไว้คนละข้างและออกแรงบังคับให้เขากลับเข้าไปในห้อง
ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของชียุนที่ดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว
“พวกแก... ปล่อยนะว้อย! กล้าดียังไงเอามือสกปรกมาจับฉัน ไอ้พวกชั้นต่ำ! ปล่อยสิวะ!”
ร่างสูงดีดดิ้นสุดแรง
ดวงตาเบิกโพลงเพราะถูกจับกดให้นั่งลงบนโซฟา ไหล่ทั้งสองข้างถูกบีบไว้แน่นอย่างที่เขาไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว
คนแปลกหน้ายิ้มน้อยๆ ขณะทำอะไรบางอย่างกับโน๊ตบุ๊กของเขา
ก่อนจะหันมันมาทางเขาพร้อมสายตาชักชวนให้เขามองไปยังหน้าจอที่ตอนนี้...
“ฮ... ฮยอกแจ!!!”
ชียุนเกือบจะพุ่งเข้าไปในจอตรงหน้าแล้วเชียว
ถ้าไม่ติดที่ถูกไอ้ยักษ์สองตัวนี่กดไหล่เอาไว้อ่ะนะ ชายหนุ่มจ้องมองภาพเคลื่อนไหวของร่างบางที่เขาอยากครอบครองนักหนาด้วยความรู้สึกเจ็บใจ
ชียุนไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าฮยอกแจต้องการอะไร การที่อีกฝ่ายค้นหาตัวเขาเจอได้โดยใช้เวลาแค่หนึ่งวัน
แสดงว่าอี ฮยอกแจก็แน่พอตัว
เป็นไปได้ยังไงวะ บ้าเอ๊ย!
“สวัสดี ยูน ชียุน ดีใจจังที่ยังจำกันได้”
น้ำเสียงที่เขาเคยคิดว่ามันเพราะจับใจดังออกมาพร้อมรอยยิ้มบาง
ทั้งที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แต่ฮยอกแจก็ยังดูสวย เซ็กซี่
น่าหลงใหลเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แล้วอย่างนี้จะให้เขาปล่อยมือไปง่ายๆ ได้ยังไง!
“ไม่ต้องพูดมาก แกต้องการอะไร!?” กระชากเสียงถาม
แม้จะหลงร่างบางอยู่มาก แต่ชียุนก็ยังไม่ลืมความแค้นของตัวเอง ฮยอกแจทำเขาไว้เจ็บแสบนัก
ไม่มีทางที่เขาจะลืมมันได้หรอก
“สองคำ... เอา-คืน”
คนในจอชูนิ้วสองนิ้วพลางเอียงคอด้วยท่าทางน่ารัก
“คนที่แกส่งมาทำร้ายคนดูแลของฉันจนบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นฉันจะเอาคืน!”
“แกมั่นใจได้ยังไงว่าไอ้สองคนนั่นเป็นคนของฉัน อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆ สิ
อี ฮยอกแจ!” ชียุนไม่ยอมรับผิดง่ายๆ
ชายหนุ่มดิ้นฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่เลิกคิ้วและยิ้ม
“อย่าโง่สิ ชียุน ไอ้กระจอกสองคนที่แกส่งไปมันรับสารภาพกับตำรวจหมดแล้ว
แกก็น่าจะรู้ สายของแกไม่ได้รายงานแกหรอกเหรอ หืม?
หรือว่าคุณป๊าของแกไม่ยอมบอกแกไม่ทราบ”
“แกทำอะไรป๊าฉัน!” คำพูดที่เหมือนรู้ทุกอย่างของฮยอกแจทำเอาชียุนตื่นตระหนก
เผลอคิดไปว่าที่ฮยอกแจรู้ที่ซ่อนเขา อาจจะเป็นเพราะไปข่มขู่บิดาของเขามาก็เป็นได้
ก็ในเมื่อป๊าเพิ่งบอกมาว่าคนตระกูลคิมไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นได้
พวกมันอาจจะทำอะไรป๊าเขาไปแล้วก็ได้
“อี ฮยอกแจ! แกทำอะไรป๊าฉัน บอกมานะ!”
“ห่วงคนอื่นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ชียุน
ฉันว่าตอนนี้แกห่วงตัวเองก่อนดีกว่า”
ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถาม
ร่างบางเหยียดยิ้ม... รอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก
ชียุนตั้งท่าจะเอ่ยปากพูดอีกครั้ง
แต่ทว่าบานประตูห้องที่ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้ชายหลายคนเดินเข้ามา
มันทำให้เขาได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“คิดว่าแกคงจำเรื่องคราวก่อนได้ วันนั้นแค่ห้า แต่วันนี้ฉันเพิ่มให้อีกเจ็ด”
“อี ฮยอกแจ!!!” ชียุนถึงกับตะโกนลั่นด้วยความหวาดกลัว
ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ไม่ได้ผล
“อี ฮยอกแจ! แกจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”
“ฉันไม่ได้ส่งไปแค่คนหรอกนะ แต่ว่าอุปกรณ์ก็มีพร้อมให้เหมือนกัน คิดว่าคงไม่ขาดเหลืออะไรแน่นอน”
“ฉันจะฆ่าแก อี ฮยอกแจ! ฉันจะให้ป๊าจัดการพวกแก!”
“อู้ว ได้ข่าวว่าที่จะจับตัวฉันไปนี่ก็เพราะอยากได้ฉันมากไม่ใช่เหรอ
ไหงตอนนี้ถึงอยากจะฆ่าแกงกันซะแล้วล่ะ ใจร้ายจังน้า ชียุนน่า”
คนในจอหัวเราะคิกคัก แต่แววตากลับตรงกันข้าม ชียุนมีสีหน้าหวาดหวั่นสุดขีด
เขากำลังกลัว เขาน่าจะรู้ได้ตั้งแต่วันนั้นว่าฮยอกแจร้ายกาจได้มากแค่ไหน พลาดแล้ว
พลาดตรงที่เข้าไปยุ่งกับคนๆ นี้
ไม่น่าเลย...
“ฮยอกแจ ฉันขอโทษ
ฉันจะไม่ยุ่งกับนายอีกแล้ว ฉัน...”
“เก็บเสียงไว้ครางให้ลูกน้องฉันฟังเถอะ
ชียุน”
เสียงหวานตัดฉับทุกสิ้นทุกอย่าง
ทั้งความหวังและหนทางรอดของชียุน
“แล้วก็จำไว้ด้วยว่าคราวหลังอย่ามายุ่งกับฉันอีก
เพราะไม่อย่างนั้นคลิปที่ลูกน้องฉันจะได้อัดในวันนี้จะถูกส่งต่อให้สื่อทุกสำนักในเกาหลี
และถ้าแกยังไม่ยอมหยุดล่ะก็ ฉันจะทำให้แกได้ลิ้มรสความโหดร้ายมากกว่านี้ จำเอาไว้”
สิ้นเสียงของฮยอกแจ ภาพก็ถูกตัดไปอย่างรวดเร็ว ชียุนกำมือแน่น
ทั้งเคียดแค้น สิ้นหวัง หวาดกลัวปะปนกันไปหมด
“จริงๆ
แล้วพี่ฮยอกแจไม่ได้โกรธที่คุณยุ่งกับเขาหรอกครับ แต่ที่เขาโกรธน่ะ...
เพราะคนของคุณดันทำร้ายคนของพี่ฮยอกแจมากกว่า”
เสียงจากชายหนุ่มที่ดูแปลกแยกที่สุดในห้องเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
ชียุนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา อยากจะอ้อนวอนขอร้อง
แต่คำพูดประโยคถัดมาของคนแปลกหน้าก็ทำให้ชียุนได้แต่กรีดร้องด้วยความคับแค้นใจ
“ความจริงผมไม่ได้อยากทำหน้าที่นี้เลยนะ แต่ว่าพี่ฮยอกแจฝากมาบอกว่า...”
“...”
“ครั้งแรกอาจจะเจ็บหน่อย ยังไงก็อดทนให้ครบทั้ง 12 คนนะครับ ขอให้โชคดี”
XXXXXXXX
“แกรนหาที่เองนะชียุน”
ริมฝีปากอิ่มพึมพำเบาๆ
กระแสเสียงทอดอ่อนคล้ายสงสาร หากดวงตาเรียวกลับเปล่งประกายความร้ายกาจเมื่อนึกไปถึงสภาพหลังจากนี้ของยูน
ชียุนที่คงจะไม่น่าดูซักเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยไม่ได้
หมอนั่นอยากหาเรื่องใส่ตัวเองทำไม
มือเล็กหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างกายขึ้นมาส่งเมสเสจขอบคุณเพื่อนของมาดามที่อุตส่าห์ช่วยหาที่ซ่อนของชียุนให้
แต่จะว่าไปความจริงต้องขอบคุณหมอนั่นอีกคนด้วยซ้ำที่ดันงี่เง่าโทรหาพ่อของตัวเองและคุณยูนก็ดันกดรับโดยไม่รู้ว่าตัวเองถูกดักฟังสัญญาณอยู่
พวกเขาก็เลยไม่ต้องเสียเวลาตามหาตัวมันหลายวัน โชคดีจริงๆ ส่งข้อความเรียบร้อยแล้ว ฮยอกแจก็เอนตัวลงหมายจะพักผ่อนซักหน่อย
แต่จู่ๆ บานประตูที่ถูกเปิดออกกะทันหันแถมยังเสียงเอ็ดตะโรโวยวายลั่นห้องก็ทำให้ร่างบางต้องเด้งตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ
เหลียวหน้าไปดูก็เห็นร่างของสาวใช้ที่เขาคุ้นตาดียืนเกาะกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่
“มีอะไร ทำไมไม่เคาะประตู” ยังไม่ทันที่คนใดคนหนึ่งจะอ้าปากพูด ฮยอกแจก็เอ่ยถามออกไปเสียก่อน
ใบหน้าหวานฉายแววไม่พอใจจนกลุ่มสาวใช้ออกอาการหงอไปตามๆ กัน
“พวกเราขอโทษที่ไม่ได้เคาะประตูค่ะคุณหนู
แต่ว่าพวกเรามีเหตุด่วนมารายงานคุณหนูนะคะ” หนึ่งในนั้นรีบบอกด้วยกลัวจะโดนเจ้านายเหวี่ยงเข้าให้
“เหตุด่วน?” ฮยอกแจเลิกคิ้ว
ก่อนจะไล่สายตามองสาวใช้ทุกคนที่พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความงุนงง
“ใช่ค่ะๆ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะคะคุณหนู!”
หลายเสียงพูดเสริมมา
“หือ ขนาดนั้นเชียว?” คราวนี้ร่างบางลุกขึ้นมานั่งฟังด้วยความสนใจ นานๆ
ทีจะเห็นสาวใช้ของเขามีท่าทีเดือดร้อนกันขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องด่วนจริงๆ
อย่างที่พูดแน่ๆ
“ยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ ถ้าคุณหนูรู้
คุณหนูจะไม่สามารถอยู่เฉยได้แน่นอน พวกเรามั่นใจ”
“จริงดิ?”
“จริงค่ะ!”
ตอบพร้อมกันเสียงดังฟังชัด
“งั้นไหนว่ามาสิ ว่าเหตุด่วนที่ว่านั่นมันอะไร?” ฮยอกแจอมยิ้ม
นึกสนุกกับอาการลุกลี้ลุกลนของสาวๆ บอกไม่ถูก
แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมากลับทำให้รอยยิ้มหวานเลือนไปอย่างรวดเร็ว
“คุณจองอึมมาค่ะ”
“คุณจองอึมมาหาคุณทงเฮค่ะ”
“คุณจองอึมเจาะจงว่ามาหาแต่คุณทงเฮคนเดียวค่ะ”
“ตอนนี้คุณจองอึมกำลังป้อนขนมคุณทงเฮอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ”
“คุณจองอึม... คุณจองอึม... บลาๆๆๆ”
และอีกสารพัดจองอึมที่หลุดออกมาจากปากสาวใช้หน้าแฉล้ม
แรกๆ ฮยอกแจก็พอข่มอารมณ์ไว้ได้ แต่พอฟังๆ ไปนานๆ เข้า เขาก็ชักจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่
ยิ่งบรรดาสาวน้อยทั้งหลายหลุดปากออกมาว่า
“คุณทงเฮยิ้มด้วยค่ะ”
“หน้างี้สดชื่นเชียว”
“สงสัยจะชอบ”
“เห็นนั่งเบียดจนแทบจะเกยตักกันอยู่แล้ว”
“แถมยังคุยกันกระหนุงกระหนิงอย่างกับคนเป็นแฟนกันอีก”
ถ้าจะมากขนาดนั้นล่ะก็นะ...
ร่างบางนั่งนิ่งผิดกับอารมณ์ในอกที่กำลังเดือดพล่านทะลุร้อยองศาเซลเซียส
มือทั้งสองข้างกำชายผ้าห่มเอาไว้แน่น ดวงตาเรียวฉายประกายวาววับเอาเรื่อง
ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกพรวดพราดออกมาจากเตียงพร้อมก้าวฉับๆ
แทรกกลุ่มสาวใช้ออกไปนอกห้อง
หากแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว
เจ้าของคฤหาสน์คนสวยก็จำต้องหยุดและหันหลังกลับมาพร้อมรอยยิ้มน่ารักซุกซนแบบที่ทำให้คนที่เห็นต่างพากันลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเสียวไส้
“เอาล่ะสาวๆ ในครัวมีอะไรทานบ้างเอ่ย~”
คำถามที่ทุกคนรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
งานนี้บอกได้คำเดียวว่า...
ฮวัง จองอึมแย่แน่ ฟันธง!
XXXXXXXX
ระหว่างที่สาวใช้ทั้งหลายกำลังอยู่ในภารกิจช่วยชาติ
เอ๊ย ช่วยเจ้านายสงบสติอารมณ์อยู่นั้น
ภายในห้องนั่งเล่นขณะนี้ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบสุดๆ เช่นกัน อี
ทงเฮพยายามส่งยิ้มฝืดเฝื่อนไปให้คนข้างๆ ที่ยังไม่ยอมหยุดจ้องเขาตาเยิ้ม
หมอนอิงใบนุ่มถูกนำมาคั่นกลางระหว่างคนทั้งสองเอาไว้
เพราะแขกผู้มาเยือนที่ดูเหมือนจะอยากย้ายตัวเองมานั่งบนตักเขาเต็มแก่
ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ
หญิงสาวที่เขาเคยช่วยเอาไว้ในงานเลี้ยงของบริษัทวันนั้นถึงได้โผล่มาหากะทันหันแบบนี้แถมยังระบุเจาะจงมาว่าต้องการมาพบเขา
แทนที่จะเป็นเจ้าของบ้านอย่างอี ฮยอกแจ
“พี่ทงเฮลองทานขนมที่จองอึมซื้อมาฝากสิคะ ร้านนี้เค้าทำอร่อยมากเลยนะคะ
จองอึมรับประกัน”
ฮวัง
จองอึมยิ้มหวานพลางตักขนมหวานประเคนให้ถึงปากของชายหนุ่มตรงหน้า ทงเฮยิ้มแห้ง
ชายหนุ่มเหลือบตาไปทางประตูห้องด้วยหวังว่าอาจจะมีสาวใช้ซักคนเดินผ่านมาช่วยเขาแต่ก็หมดหวัง
เพราะนอกจากจะไม่มีใครผ่านมาแล้ว สาวน้อยทั้งหลาย
(ที่ก่อนหน้านี้ยังยืนกัดผ้าเช็ดหน้าแอบมองอยู่ตรงมุมห้อง)
ดันอันตรธานหายตัวไปอย่างลึกลับ
ผิดกับตอนปกติที่แทบจะไม่ต้องมองหาก็พากันมายืนยิ้มแก้มแดงให้เห็นแทบจะทุกนาที
“นะคะพี่ทงเฮ ทานหน่อยน้า” เสียงหญิงสาวเอ่ยอย่างอ้อนๆ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ทงเฮงง
เขาจำไม่ได้ว่าไปรู้จักมักจี่กับลูกคุณหนูอย่างฮวัง จองอึมตอนไหน
สาวเจ้าถึงได้แล่นมาหาพร้อมเรียกชื่อเขาเหมือนสนิทสนมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแบบนี้
ร่างหนาลอบสูดลมหายใจลึก
ก่อนจะหันกลับมาแตะมือหญิงสาวลงด้วยกริยาสุภาพอ่อนโยน
“ผมว่าผมทานเองดีกว่า ขอบคุณนะครับ”
เอ่ยปากบอกพลางยกยิ้มบาง
โดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั่นกำลังทำให้คนมองรู้สึกใจสั่นหวั่นไหวจนอยากจะกรีดร้องให้ดังไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด
ยิ้มให้ยังไม่พอ
ยังหลอกจับมืออีก อ๊าย เขินสุด!!!
“แหม พี่ทงเฮอยากจับมือจองอึมก็ไม่บอก”
ร่างเล็กกัดปากและบิดตัวไปมาด้วยความขัดเขิน
สายตาแพรวพราวที่ช้อนมองมาทำเอาทงเฮถึงกับสะดุ้ง ลืมไปว่ายังจับมือเจ้าหล่อนอยู่
แต่จะดึงออกตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วเพราะแม่นางฮวังเล่นตะครุบมือเขาไว้อย่างแนบแน่นเสียจนตอนนี้ทงเฮชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายอยากจับมือมากกว่ากัน
“คือผมเปล่า...”
ตึ่กๆๆ
กำลังจะอ้าปากปฎิเสธ
แต่เสียงฝีเท้าที่ดังมาให้ได้ยินก็ทำให้ทงเฮหยุดคำพูดเอาไว้และรีบหันไปมองทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อไม่เห็นวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ โผล่ออกมาให้เห็น
หรือจะหูฝาด?
นึกสงสัยกับตัวเองพลางเหลือบตามองจองอึมที่ยังส่งยิ้มหวานหยดย้อยประหนึ่งน้ำผึ้งเดือนห้ามาให้เขา
คาดว่าหมดวันนี้คงได้เป็นเบาหวานตายกันไปข้างหนึ่งแน่ๆ คนอะไร ยิ้มอยู่ได้
ไม่กลัวปากจะฉีกเอาซะเลย -_-
XXXXXXXX
“ถึงขั้นจับมือกันเลยเหรอ?”
น้ำเสียงหวานหูกับสีหน้าสงสัยฉบับไร้เดียงสาดังขึ้นเบาๆ
ฮยอกแจเอียงคอมองสาวน้อยตรงหน้าที่วิ่งหน้าตั้งมาจากทางห้องโถงใหญ่อย่างครุ่นคิด
“ค่ะ แชริมสาบานได้ว่าแชริมเห็นคุณทงเฮจับมือกับคุณจองอึมจริงๆ” สาวน้อยพูดเสียงหนักแน่น ฮยอกแจยืนเงียบ
สายตาไล่มองสาวใช้ทุกคนที่ยืนล้อมตัวเองด้วยอาการลุ้นๆ ใจจริงเขาก็ไม่อยากจะปรักปรำทงเฮหรือใครหรอกนะ
แต่ว่าสายของเขารายงานมาอย่างนี้แล้วจะให้ฮยอกแจคิดเป็นอื่นได้ยังไงอีกล่ะ
“ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วนะคะคุณหนู คุณจองอึมทำแบบนี้ถือว่าไม่ไว้หน้าคุณหนูเลย
มีอย่างที่ไหนมาจับมือถือแขนคุณทงเฮของคุณหนูแบบนี้ ร้ายกาจที่สุด!” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บแค้นแทนคนเป็นเจ้านาย ขณะที่ฮยอกแจก็แสร้งเบิกตาโตอย่างไม่เข้าใจ
“ทงเฮของฉันงั้นเหรอ?”
“แหม คุณหนูอย่าทำเป็นงงเลยค่ะ ออกอาการถึงขนาดนี้แล้ว
จะมาบอกว่าไม่หวงคุณทงเฮ พวกเราก็ไม่เชื่อแล้วนะคะ”
ฟังคำพูดหยอกแซวของสาวใช้แล้ว ฮยอกแจก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงใส มือเรียวหยิกแก้มคนพูดเบาๆ
เสียทีหนึ่งด้วยความถูกใจ ไม่เสียแรงที่ทำงานเป็นคนของคฤหาสน์นี้มาตั้งนาน
“งั้นตกลงว่าจะเอายังไงต่อดีค่ะคุณหนู” สาวคนเดิมถาม
ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถาม ร่างบางกดยิ้มลึก
นัยน์ตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างไม่ปกปิด
“ไม่ต้องห่วง เรื่องแค่นี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
XXXXXXXX
“พี่ทงเฮเจ็บมือแบบนี้จะทานเองได้ยังไงล่ะคะ ให้จองอึมป้อนดีกว่านะ”
บทสนทนาที่ดังออกมาจากห้องนั่งเล่นหรูทำเอาคนที่เพิ่งเดินมาถึงต้องเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
เท้าเรียวก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปภายในห้องนั่งเล่นที่มีคนสองคนนั่งอยู่ ดวงหน้าหวานเบือนผ่านสาวสวยไปทางชายหนุ่มร่างหนา
ก่อนจะก้าวเข้าไปวาดวงแขนโอบล้อมรอบลำคอแกร่งจากทางด้านหลังพร้อมกับจมูกโด่งกดลงบนแก้มขาวของชายหนุ่มด้วยท่าทีออดอ้อน
“ทงเฮ~ มาอยู่นี่เอง ผมตามหาตั้งนานแน่ะ” เอ่ยวาจาหวานหูให้คนฟังเหลียวมามองหน้าตาตื่น ทงเฮดูจะงงอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆ
เจ้านายตัวแสบก็โผล่เข้ามากอดรัดหอมแก้มเขาแบบไม่เกรงใจใคร
กำลังจะอ้าปากถามถึงสาเหตุแต่พอมองตามสายตาเรียวแล้ว
ทงเฮก็ต้องร้องอ๋อออกมาแทบจะทันที
แหม
นี่จะเริ่มไฝว้กันแล้วใช่มั้ยครับ?
“บอสหายไปไหนมาครับ ผมรอตั้งนาน”
ถึงจะพอรู้เจตนาของคุณบอสดีว่าต้องการจะใช้ตัวเขาเป็นเหยื่อยั่วอารมณ์อีกฝ่าย
แต่ทงเฮก็ไม่ได้ว่าอะไร
หนำซ้ำยังใจดียอมเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวด้วยความเต็มใจอีกต่างหาก ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบท่อนแขนเรียวที่วางพาดอยู่บนหน้าอกเขา
นัยน์ตาคมทอดมองใบหน้าหวานอย่างหวานซึ้งเสียจนฮยอกแจแทบหลุดเขินออกมาแบบไม่ทันตั้งตัว
นี่จะเล่นด้วยก็ให้สัญญาณกันก่อนไม่ได้เรอะ
เขินนะเนี่ย บอกเลย -///-
“ขอโทษ พอดีผมมัวแต่ง่วนทำอาหารอยู่ในครัวน่ะ ก็เลยมาช้า” ฮยอกแจบอก
“หือ บอสเข้าครัว?” ทงเฮทวนคำด้วยความประหลาดใจ ไม่ได้อยากเสียมารยาทดูถูกอะไรหรอกนะ
แต่อย่างอี ฮยอกแจเนี่ยนะทำอาหารเป็น??
“ทำไมล่ะ ไม่เชื่อเหรอ?” ร่างบางยู่ปากใส่คนที่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในคำพูดเขา
ทงเฮหัวเราะเสียงแห้ง อยากจะบอกไปตามตรงเลยว่าเขาไม่เชื่อ แต่ก็ไม่กล้า
กลัวได้ง้อกันยาวอีกรอบ -..-
“นี่ อี ฮยอกแจ!”
บรรยากาศหวานละมุนละไมที่เจ้านายกับลูกน้องสร้างขึ้นมาพังลงพริบตาเพราะเสียงแหลมเล็กที่ดังแหวกขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
จองอึมกอดอกแน่น
ดวงตาคู่สวยวาววับกับภาพสองหนุ่มที่คลอเคลียใกล้ชิดกันโดยไม่แคร์ว่าหล่อนยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยซักนิด
อี ฮยอกแจ
ไอ้ตัวร้าย ทำเมินไม่เห็นหัวกันไม่พอ ยังแย่งความสนใจจากพี่ทงเฮไปจากเธออีก น่าเกลียดที่สุด!
“อ้าว จองอึม เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
ฮยอกแจมีสีหน้างุนงงราวกับเพิ่งเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ จองอึมกำมือแน่น
ท่าทางอยากจะกรี๊ดกับอาการตีหน้าเซ่อของอีกฝ่ายเต็มทน แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ได้
“ฉันมานานแล้ว แกต่างหากที่ตาบอดมองไม่เห็นเอง” ร่างเล็กตอบกลับน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากไม่น่าฟัง
ฮยอกแจเลิกคิ้วพลางยืดตัวผละออกมาจากทงเฮ
“จำได้ว่าเธอเคยบอกว่าจะไม่เหยียบเข้าเขตคฤหาสน์ของฉันอีกเป็นครั้งที่สองไม่ใช่เหรอ?”
ร่างบางไม่ได้โต้ตอบคำพูดหยาบคายนั่น
แต่กลับทวงคำพูดที่หญิงสาวเคยบอกเอาไว้ รอยยิ้มและสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่าเหนือกว่าทำให้จองอึมอึกอักพูดไม่ออก
ด้วยเพราะหล่อนเคยประกาศเอาไว้แบบนั้นจริงๆ
หลังจากที่เคยเข้ามาหาเรื่องฮยอกแจถึงที่นี่แล้วโดนสาวใช้ยันคนสวนรุมกลั่นแกล้งจนต้องแบกเอาความอัปยศกลับบ้านไปอย่างหมดท่า
“ละ... แล้วไง เรื่องมันผ่านมาตั้ง 5 ปี ฉันก็ลืมบ้างอะไรบ้างน่ะสิ” หญิงสาวยักไหล่ ขณะที่ฮยอกแจก็เบะปากพยักหน้ารับฟังอย่างไม่เชื่อหู
“ลืมบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ยังจำได้ดีเลยนะว่าเรื่องมันผ่านมาตั้ง 5 ปี” เจ้าของบ้านแกล้งพึมพำให้ได้ยิน จองอึมทำท่าจะหวีดออกมาเพราะชักทนไม่ไหวกับท่าทางน่าหมั่นไส้นั่น
แต่ก็ต้องหยุดไว้เพราะสาวใช้ที่เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ซุปที่คุณหนูเคี่ยวเอาไว้ ตอนนี้ได้ที่แล้วนะคะ
จะให้เสิร์ฟเลยหรือเปล่าคะ?”
“อื้ม ตักมาเลยก็ได้... ทงเฮ เดี๋ยวลองชิมดูนะ เป็นซุปไก่ตุ๋นโสมน่ะ
ทานแล้วดีต่อสุขภาพ” ก้มลงบอกร่างหนาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“จะทานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” จองอึมเบะปากดูถูก
ฮยอกแจยิ้ม ไม่ตอบอะไร นอกจากเดินอ้อมมานั่งข้างทงเฮอีกด้าน
แขนเรียวตวัดกอดแขนล่ำๆ ของทงเฮไว้ ก่อนจะยื่นหน้าไปพูดกับคนอีกฝั่ง
“ก็ยังดีกว่าคนทำอะไรไม่เป็นก็แล้วกัน”
ว่าจบก็เอนศีรษะซบลงบนบ่ากว้างเหมือนจะเยาะเย้ยเล่นเอาจองอึมถึงกับปรี๊ดแตก
เธอมานั่งอ่อยพี่ทงเฮตั้งนาน ยังได้แค่จับมือนิดๆ หน่อยๆ แล้วฮยอกแจโผล่มาจากไหน
อยู่ๆ ถึงมากอด มาหอม มาซบพี่ทงเฮแบบนี้!!!
“กรี๊ด ไอ้ฮยอกแจ!” ร่างเล็กกรีดร้องลั่นด้วยความโมโห
หมอนอิงที่ถูกทงเฮเอามาคั่นกลางไว้ปลิวหายไปอีกทาง ก่อนที่เจ้าหล่อนจะเขยิบเข้ามาดึงเอาแขนทงเฮไปกอดบ้าง
“ปล่อยพี่ทงเฮเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า
แกไม่มีสิทธิ์แตะเนื้อต้องตัวพี่ทงเฮของฉัน!”
“พูดผิดพูดใหม่ได้นะจองอึม เผื่อเธอจะลืมว่าอี ทงเฮน่ะเป็นคนของฉัน!”
ฮยอกแจยิ้มหวาน
ร่างบางกอดแขนทงเฮแน่น สายตาฉายแววร้ายกาจ น่ากลัวเสียจนทงเฮชักไม่ไว้วางใจ ถ้าลุกมาตบผู้หญิงอีกนี่ยุ่งเลยนะครับบอส
-_-
“เป็นแค่เจ้านาย มีสิทธิ์อะไรมาพูดจาหวงก้างแบบนี้ยะ หนอย
มีมาทำอาหงอาหารเอาใจ แกคิดจะแอ้มพี่ทงเฮล่ะสิ ไอ้คนผิดเพศ!”
ปึ่ด!
ราวกับได้ยินเสียงเส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ
ไม่เป็นจังหวะ ทงเฮชักสีหน้าแทบจะทันทีที่ฟังถ้อยคำหยาบคายจากคนข้างๆ จบ
ใบหน้าหล่อหันขวับไม่พอใจ
หากไม่ทันฮยอกแจที่ผุดลุกขึ้นดึงตัวหญิงสาวเหวี่ยงให้ออกห่างจากทงเฮ
“ว้ายยย อี ฮยอกแจ!”
“ฟังให้ดีนะ ฮวัง จองอึม คนอย่างฉันไม่เคยเสียเวลาคิด
ถ้าอยากได้ก็คือต้องได้! ไม่มีมานั่งอ่อยบิดซ้ายบิดขวาให้เสียลูกตาเหมือนคนอย่างเธอหรอก!”
“กรี๊ดดดดด อี ฮยอกแจ!” จองอึมกรี๊ดลั่น
หญิงสาวพุ่งเข้ามาหมายจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าเย่อหยิ่งนั่นด้วยความโมโห
แต่กลับถูกฮยอกแจยกนิ้วชี้หน้าจนเบรกแทบไม่ทัน
“แล้วจะบอกให้เอาบุญ ถึงฉันจะเป็นผู้ชาย แต่ฉันก็ถือคติที่ว่า... เสน่ห์ปลายจวัก
‘ผัว’ รักจนตาย!”
สิ้นเสียง
ทงเฮก็ถูกดึงขึ้นไปประกบปากแนบแน่น
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของจองอึมและสาวใช้ที่เพิ่งเดินเข้ามาถึง
ฮยอกแจขึ้นคร่อมร่างหนาที่นั่งอยู่บนโซฟา
สอดมือเข้ารั้งท้ายทอยหนาให้แหงนขึ้นรับจูบจากเขา
ลิ้นเล็กเป็นฝ่ายรุกไล่บดเบียดริมฝีปากหยัก ร้อนแรงเสียจนคนมองหน้าแดงวาบไปตามๆ
กัน
“อื้ม บอสครับ” ทงเฮกระซิบเรียก
อารมณ์ตกใจถูกแทนที่ด้วยความยั่วยวนของเจ้านายคนสวยจนลืมไปว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่สมควรถูกเปิดเผย
มือข้างที่เจ็บอยู่ค่อยๆ แตะไล้ต้นขาขาวที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้น ขณะที่อีกข้างก็ถูกร่างบางจับให้สอดเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวใหญ่
ก่อนที่เขาจะค่อยๆ นวดเฟ้นผิวเนื้อเนียนนุ่มที่เขาหลงนักหลงหนาอย่างสนุกมือ
ฮยอกแจหอบหายใจน้อยๆ
วงแขนเรียวกอดรัดรอบลำคอแกร่งเอาไว้ ใบหน้าหวานเชิดขึ้น
เมื่อทงเฮแกล้งแตะลิ้นลงบนยอดอกเขาผ่านร่มผ้า ดวงตาคู่สวยที่เริ่มเต็มไปด้วยอารมณ์ปรายมองไปทางหญิงสาวที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
“กะ... แก... ฮยอกแจ...”
เสน่ห์ปลายจวัก
ผัวรักจนตายงั้นเหรอ? งั้นก็หมายความว่า...
“แกกับพี่ทงเฮ...” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนทั้งสองที่ยังไม่ผละออกจากกัน
จองอึมตัวสั่น เธอไม่ได้ตาฝาด แววตาของฮยอกแจกำลังเยาะเย้ยเธออยู่!
“รู้แล้วก็ขอความกรุณาอย่ามายุ่งกับคนของชาวบ้านอีกนะ”
ฮยอกแจเหยียดยิ้ม
ก่อนจะนิ่วหน้าน้อยๆ เพราะเสียงร้องไห้ผสมคำด่าที่ดังมาจากหญิงสาว
ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกระทืบเท้าออกไปจากห้องนั่งเล่นด้วยความเจ็บช้ำระกำใจอย่างสุดแสนสาหัส!
เล่นกับใครไม่เล่น
หึ
“แชริม”
“ขาคุณหนู”
“อย่าลืมให้ทุกคนช่วยกันส่งแขกด้วยล่ะ”
เสียงหวานออกคำสั่ง คำพูดที่รู้กันดีทำให้แชริมหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ
เด็กสาวจัดการปิดประตูห้องนั่งเล่นให้เจ้านาย ก่อนจะรีบวิ่งตามจองอึมออกไป
และอีกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนของฮวัง จองอึมก็ดังมาให้ได้ยิน
“กรี๊ดดดดด หยุดนะ! พวกแกเอาน้ำอะไรมาสาดช้านน!!!”
“ซุปไก่ตุ๋นโสมผสมน้ำปลาร้าแก้คันค่า คุณหนูทำพิเศษให้คุณจองอึมโดยเฉพาะนะค๊า~”
“กรี๊ดดดดด ทุเรศ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พวกบ้า! ฉันบอกให้หยุดไง
กรี๊ดดดดดดด!!!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น